logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: ลงทุน

จัดการกองทุน SSF / RMF อย่างไรในช่วงเศรษฐกิจขาลง

โดย วีระชัย แสงวัชร ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™

เข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง 2565 กันแล้ว หลายท่านคงเริ่มวางแผนประหยัดภาษี ด้วยการซื้อกองทุน SSF / RMF กัน บางท่านที่เริ่มลงทุนก็อาจจะรู้สึก กล้าๆ กลัวๆ กับการลงทุนในช่วงเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ หรือบางท่านก็ไม่อยากซื้อกองทุน SSF / RMF ทั้งที่ช่วยประหยัดภาษีได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขที่ต้องลงทุนระยะยาว หรือใครที่ลงทุนในกองทุน SSF / RMF อยู่แล้ว ก็อาจจะรู้สึกกังวลกับผลตอบแทนในปัจจุบันที่โดนผลกระทบ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อที่สูงมาก สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ส่งผลต่อเศรษฐกิจในหลายๆประเทศกระทบกันเป็นลูกโซ่ จึงอาจเกิดเป็นคำถามว่าควรบริหารพอร์ตการลงทุน กลุ่มกองทุนประหยัดภาษี SSF / RMF อย่างไรดี

งานวิจัยเรื่องการลงทุนระยะยาว จาก JP Morgan กับตลาดทุนของสหรัฐอเมริกาซึ่งเสมือนเป็นตัวแทนของตลาดทุนทั่วโลก ในช่วงปี 1950 ถึง 2021 จากภาพที่ 1 จะเห็นว่ายิ่งลงทุนระยะยาว โอกาสที่ผลตอบแทนจะขาดทุนมีน้อยมาก

 

ภาพที่ 1 ที่มา จาก https://am.jpmorgan.com/

 

  1. ⦁ ถ้าลงทุนต่อเนื่อง 10 ปี (กรอบสีแดง) การลงทุนในหุ้น(กราฟแท่งสีเทา) อาจจะติดลบ 1% แต่มีโอกาสทำกำไรบวกได้ 19% ในขณะที่ถ้าจัดพอร์ตแบบ หุ้น 50% ตราสารหนี้ 50% (กราฟแท่งสีฟ้า) จะไม่มีโอกาสขาดทุนเลย และมีโอกาสทำกำไรบวกได้ถึง 16%

  2. ⦁ ถ้าลงทุนต่อเนื่อง 20 ปี (กรอบสีเขียว) ลงทุนในหุ้น(กราฟแท่งสีเทา) จะไม่มีโอกาสขาดทุนเลย และมีโอกาสทำกำไรบวกได้ 6-17%

จากสถิติข้อมูลดังกล่าว จะเห็นว่าการลงทุนระยะยาวมากกว่า 10 ปี โอกาสน้อยมากที่จะขาดทุนผลตอบแทนติดลบ ดังนั้นการเข้าซื้อกองทุน SSF / RMF ที่มีเงื่อนไขต้องถือลงทุนระยะยาว นอกจากจะได้กำไรจากการลดหย่อนภาษีตั้งแต่ซื้อแล้ว การได้เข้าซื้อในช่วงเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ ก็ถือว่า เป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุน จะได้หน่วยลงทุนที่ราคาถูกกว่าช่วงเหตุการณ์ปกติ หรือ ใครมีกองทุนภาษีเดิมอยู่แล้ว ก็เป็นโอกาสดีในการซื้อลงทุน เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน และจากข้อมูลงานวิจัยข้างต้น น่าจะทำให้นักลงทุนอุ่นใจกับโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต แม้ช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจจะเป็นขาลงก็ตาม

เแม้การลงทุนในกองทุน SSF / RMF จะได้ประโยชน์จากการลงทุนระยะยาว และช่วยประหยัดภาษี แต่การบริหารพอร์ตการลงทุนก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนได้บริหารความเสี่ยงการลงทุน และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนมากขึ้น ซึ่งกองทุนรวมกลุ่มประหยัดภาษีนี้ มีข้อได้เปรียบกว่ากองทุนรวมทั่วไป ในเรื่องของค่าธรรมเนียมซื้อขาย ที่ส่วนมากจะยกเว้นค่าธรรมเนียมซื้อขาย ทำให้การบริหารพอร์ตการลงทุน SSF / RMF จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป

 

5 เทคนิคในการบริหารพอร์ตลงทุนกองทุนรวม SSF / RMF
  1. ⦁ DCA (Dollar Cost Average) แม้ช่วงนี้ราคาหน่วยลงทุนจะถูกลงมามาก แต่ก็ควรทยอยลงทุน เนื่องจากไม่สามารถรู้ได้ว่า ในอนาคต ราคาของกองทุนที่เลือกซื้อ จะต่ำลงอีกหรือไม่ ดังนั้นการทยอยลงทุน ก็เป็นการบริหารความเสี่ยงเรื่องต้นทุน ของหน่วยลงทุน

  2. ⦁ Asset Allocation เป็นการจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง และเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุ กองทุน SSF / RMF มีให้เลือกลงทุน ในทุกกลุ่มสินทรัพย์ ตั้งแต่ ความเสี่ยงต่ำจนถึงความเสี่ยงสูง เช่น กองทุนหุ้นต่างประเทศ ทองคำ เป็นต้น ซึ่งทำให้สามารถจัดพอร์ตลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงได้ เหมือนการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป แต่ แนะนำว่า ควรจะจัด Asset Allocation ของกองทุนกลุ่มภาษี ให้อยู่ใน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เดียวกัน เพราะตอนทำ Rebalance หรือ สับเปลี่ยนกองทุนในบลจ.เดียวกัน จะไม่เสียค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนกองทุน

  3. ⦁ Rebalance วางแผนทำ Rebalance พอร์ต เพื่อปรับสัดส่วนของกองทุนให้กลับไปที่สัดส่วนเดิม และปรับสัดส่วนกองทุนให้เหมาะกับช่วงอายุของผู้ลงทุน โดยอาจจะกำหนดความถี่เป็นปีละหนึ่งครั้ง หรือ 2 ครั้งต่อปี การทำ Rebalance จะเป็นการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตและรักษาผลตอบแทนไว้ได้ในระยะยาว ทั้งนี้ กองทุน SSF / RMF สามารถที่จะทำการสับเปลี่ยนกองทุนได้ โดยไม่ผิดเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี (แต่ต้องใช้คำสั่งแบบสับเปลี่ยนกองทุนเท่านั้น ห้ามใช้คำสั่งขายกองทุนแล้วซื้อใหม่ จะทำให้ผิดเงื่อนไขภาษีทันที) และต้องสับเปลี่ยนกองทุนใน บลจ.เดียวกัน จึงจะไม่เสียค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยน ซึ่งกองทุนกลุ่มภาษี ส่วนใหญ่ ยกเว้นค่าธรรมเนียมซื้อขาย ทำให้กองทุนกลุ่มภาษี มีต้นทุนการ Rebalance ที่ต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป

  4. ⦁ Review กองทุนที่ลงทุนทุกปี ว่ายังมีโอกาสเติบโตต่อไปในอนาคต หรือเป็นกองทุนที่ยังสอดคล้องกับแผนการลงทุนของเราหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็สับเปลี่ยนกองทุน อาจจะทำในจังหวะที่ทำ Rebalance ก็ได้

  5. ⦁ สำหรับ นักลงทุนที่ใกล้จะเกษียณอายุแล้ว หรือ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ก็ควรลดความเสี่ยงการลงทุน ด้วยการซื้อกองทุน SSF / RMF ที่ความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุน SSF / RMF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ เป็นต้น


  6.  

การลงทุนมีความเสี่ยง การลงทุนระยะยาว จะช่วยให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีได้ แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุน ควรศึกษาหาข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุน และลงทุนอย่างมีสติ บริหารความเสี่ยงตามหลักการลงทุน เพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่นักลงทุนตั้งใจ

ติดตามความรู้และข่าวสารสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ที่ LINE@cfpthailand, สมาคมนักวางแผนการเงินไทย Facebook Fanpage และ www.tfpa.or.th

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th