บทความ: ลงทุน
สร้างเข็มทิศการลงทุนด้วย Goal Based Investing
โดย ภก.ธริญญ์รัฐ ปิยะศิริโสฬส AFPT™ ที่ปรึกษาการเงินอิสระ
จะซื้อกองทุนรวม จะเอาแบบที่จ่ายปันผล หรือไม่จ่ายปันผลดี?
เมื่อสนใจเริ่มต้นลงทุน แต่อาจมีคำถามว่า “เราจะลงทุนในอะไร” หากตั้งคำถามกับตัวเองแบบนี้ มักเกิดจากการไม่มีเป้าหมายการลงทุนและผลที่ตามมามักพุ่งเป้าที่ผลตอบแทนเป็นหลัก จนลืมความเสี่ยง
ความเสี่ยงของการลงทุน หมายถึง ความผันผวนของผลตอบแทนที่ส่งผลกระทบให้เป้าหมายการลงทุนหรืออาจกระทบต่อเป้าหมายการเงินอื่น ๆ ด้วย ดังนั้น หากพุ่งเป้าไปที่ผลตอบแทนเป็นอันดับแรก อาจเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงเกินความจำเป็น
ดังนั้น ก่อนเริ่มลงทุนควรเปลี่ยนคำถามจาก “เราจะลงทุนในอะไรดี” เป็น “ทำไมเราต้องลงทุน” อาจพบคำตอบของแผนการลงทุนที่ไม่เสี่ยงจนเกินไป สามารถลงทุนตามแผนที่วางเอาไว้ และถึงเป้าหมายได้ในระยะเวลาที่กำหนด
สำหรับการวางแผนการลงทุนแบบมีเป้าหมาย (Goal Based Investing) หมายถึง เมื่อเริ่มลงทุน ควรสำรวจตัวเองว่า เป้าหมายการลงทุน คืออะไร ระยะเวลาที่ต้องการไปให้ถึงเป้าหมาย และทรัพยากรการลงทุนเป็นอย่างไร จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการเลือกสินทรัพย์ลงทุนและสร้างแผนการลงทุน
จะเห็นได้ว่า Goal Based Investing ไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นอันดับแรก แต่จะคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนและระยะเวลาในการลงทุน และเงินลงทุนที่ตัวผู้ลงทุนสามารถจัดสรรมาสำหรับแต่ละเป้าหมาย ซึ่งหมายถึงเงินลงทุนตั้งต้น และเงินลงทุนสมทบรายงวด
ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายการลงทุน
ปัจจุบันอายุ 30 ปี ต้องการเริ่มต้นลงทุนเดือนละ 15,000 บาท โดยมีเป้าหมายมีเงินก้อนจำนวน 10 ล้านบาทสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณอายุที่ 55 ปี
จากข้อมูลนี้ สามารถคำนวณหาอัตราผลตอบแทนคาดหวังได้ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 25 ปีของแผนการลงทุน หลังจากนั้น เราจึงจะไปเริ่มจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามความคาดหวัง
ในทางกลับกัน หากไม่ทราบว่าเป้าหมายการลงทุนคืออะไร มักจะพุ่งความสนใจไปที่ผลตอบแทนเป็นอันดับ แรก ด้วยการเริ่มต้นเลือกสินทรัพย์ลงทุน ทำให้ไม่ทราบว่าเงินลงทุนที่ใช้ควรจะมีมากน้อยเพียงไร และอาจทำให้เราต้องเผชิญกับความเสี่ยงหรือความผันผวนสูงเกินความจำเป็น เช่น นำเงิน 500,000 บาท ไปลงทุนในหุ้นรายตัวเพื่อให้ได้เงิน 10 ล้านบาท โดยไม่ทราบถึงความเสี่ยงของแผนการลงทุน เช่น ต้องใช้เวลานานเท่าไรจึงจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ภาพที่ 1 ข้อมูลจาก Vanguard’s framework for constructing globally diversified portfolios, June 2021
จากภาพที่ 1 ในระหว่างปี 1900 2020 หากเลือกลงทุนในตราสารทุน 100% ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 9.6% ต่อปี แต่ในบางปีอาจขาดทุนสูงถึง 27.9% ในทางกลับกัน หากเลือกลงทุนในตราสารหนี้ 100% ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 5% แต่ในบางปีก็อาจขาดทุน 6.1%
ดังนั้นหากกำหนดเป้าหมายการลงทุน จากนั้นก็จัดสรรสินทรัพย์การลงทุน โดยลงทุนในตราสารหนี้ 70% ตราสารทุน 30% ซึ่งให้ผลตอบเฉลี่ย (ภาพที่ 1) ที่ 6.8% ต่อปี ก็จะมีโอกาสได้รับเงิน 10 ล้านบาท ในเวลา 25 ปี โดยใช้เงินลงทุนเดือนละ 15,000 บาท ตลอดระยะเวลาของแผนการ ขณะที่ความผันผวนที่ได้รับก็น้อยกว่าการนำเงินไปลงทุนในตราสารทุน 100%
อย่างไรก็ตาม การวางแผนการลงทุนแบบ Goal Based Investing ไม่ได้มีเพียงการตั้งเป้าหมายการลงทุนเพียง เท่านั้น แต่ต้องให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้เป็นสำคัญด้วย เพราะถึงแม้แผนการลงทุน จะได้รับผลตอบแทนตามคาดหวังแต่กลับมีความเสี่ยงสูงเกินไป หรือผู้ลงทุนอาจเปลี่ยนแผน การลงทุนในระหว่างทาง เป็นต้น ดังนั้น ก่อนตัดสินใจใช้แผนการลงทุนดังกล่าวควรพิจารณาข้อมูลให้ครบถ้วน
เมื่อมีเข็มทิศทางการลงทุนจะช่วยให้มีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน ทราบระยะเวลาและจำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับแผนการลงทุน ซึ่งแผนการลงทุนแบบ Goal Based Investing เป็นอีกทางเลือกที่จะนำไปสู่เป้าหมายทางการลงทุนที่ตั้งใจไว้
ติดตามความรู้และข่าวสารสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ที่ LINE@cfpthailand, สมาคมนักวางแผนการเงินไทย Facebook Fanpage และ www.tfpa.or.th