logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: ประกันภัย

สร้างความคุ้มครองให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ (Life Style) ยุคใหม่

โดย นรินทร์ เอกวงศ์วิริยะ นักวางแผนการเงิน CFP®

 

รูปแบบการใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์เปลี่ยนตามยุคสมัยตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง ยิ่งในยุคดิจิทัลที่การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดอย่างรวดเร็ว ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่จึงเปลี่ยนอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ตัวอย่างรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่มีความแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจนที่มีผู้รวบรวมไว้ เช่น

 

อิสระของเวลา : เวลาทำงานที่ตายตัวและทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำไม่ใช่ความต้องการของคนรุ่นใหม่อีกต่อไป คนรุ่นใหม่ต้องการบริหารจัดการเวลาให้ลงตัวตามแบบที่ต้องการ สามารถเลือกเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนได้

 

ทำงานที่ไหนก็ได้ : การทำงานในสำนักงานถูกแทนที่ด้วยการทำงานทางไกลแบบ Hybrid Workplace การทำงานที่บ้านแบบ Work from home และการใช้บ้านเป็นสำนักงานแบบ Work at home สำหรับอาชีพอิสระ คนทำงานยุคใหม่มีทางเลือกและไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการจ้างงานแบบเดิมอีกต่อไป

 

สุขก่อนมั่นคง : แนวคิดยุคใหม่ในการมองความสุขและความพึงพอใจในการทำงานมากกว่าความมั่นคงที่เป็นเรื่องในระยะยาว รวมทั้งรูปแบบของธุรกิจใหม่ที่สามารถนำความถนัด ความชอบส่วนตัว มาสร้างรายได้ ทำให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสใช้งานอดิเรกในการประกอบอาชีพใหม่ๆ ได้

 

ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่เน้นความมีอิสระในเรื่องเวลาและการทำงาน ให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากกว่าอนาคต ทำให้ต้องคำนึงเรื่องความเสี่ยงและความไม่มั่นคงของรายได้ไว้ด้วย แต่ไม่ว่ารูปแบบการใช้ชีวิตแบบไหน การวางแผนการเงินก็เป็นเรื่องที่เราควรจะให้ความสำคัญ เพียงแต่รูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างทำให้ต้องวางแผนการเงินแตกต่างกัน

 

ในแผนการเงินควรสร้างความคุ้มครองที่ครอบคลุมความจำเป็นตามไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ โดยมีความเฉพาะตัว (Personalize) ตามรูปแบบชีวิตของเรา มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนในแต่ละช่วงเวลา และแยกการสร้างความคุ้มครองออกจากกันตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่ต้องการความคุ้มครอง ใช้เป็นหลักในการเลือกแบบประกันที่เหมาะสมสำหรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

 

1. ภาระสำคัญต่างๆ :

 

การแยกความคุ้มครองภาระสำคัญต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในช่วงเวลาต่างกัน เช่น ภาระหนี้สินระยะยาวของที่อยู่อาศัย ภาระด้านการศึกษาบุตร ทำให้แผนความคุ้มครองของเรามีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับตัวเรา (Personalizeก) มากกว่าการทำประกันแบบรวมที่ยืดหยุ่นน้อยและมีต้นทุนสูง ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เหมาะกับความคุ้มครองต่างๆ ได้แก่

 

  • การสร้างความคุ้มครองที่มีการลดลงของทุนประกันในระยะยาว เช่น คุ้มครองหนี้ที่อยู่อาศัยด้วยแบบประกันคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MRTA) ที่มีการลดทุนประกันตามภาระหนี้สินคงเหลือที่ลดลงตามระยะเวลาของหนี้ แทนการทำประกันชีวิตทั่วไปที่มีทุนประกันคงที่ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกันภัยลงได้ด้วย ที่สำคัญมีความยืดหยุ่นเมื่อภาระหนี้สินที่จำนองไว้มีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถปรับเพิ่มหรือลดทุนประกันได้ง่ายกว่า
  • การสร้างความคุ้มครองที่มีเป้าหมายต้องบรรลุจำนวนเงินเป้าหมาย เช่น เป้าหมายการศึกษาที่ต้องการเงิน 1 ล้านบาทในอีก 10 ปีข้างหน้า สามารถเลือกสร้างความคุ้มครองและความมั่งคั่งควบคู่กันไป โดยเลือกแบบประกันสะสมทรัพย์ที่รวมการสร้างความคุ้มครองและส่วนของการสร้างความมั่งคั่งในผลิตภัณฑ์เดียวกัน ข้อดีของแบบประกันสะสมทรัพย์คือมีผลตอบแทนที่ชัดเจนและใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้ภายใต้เงื่อนไขของกรมสรรพากรได้เกือบเต็มจำนวนเบี้ยประกันที่เราจ่ายในแต่ละปี ปัจจุบันมีทั้งแบบที่ให้ผลตอบแทนคงที่ตลอดสัญญาและแบบที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนตามจริง หรือเลือกแบบประกันที่มีลักษณะควบการลงทุนที่พัฒนาสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากขึ้น ข้อดีคือสามารถลดทุนประกันลงในปีต่อมาเมื่อเราสะสมความมั่งคั่งได้เพิ่มขึ้น แต่สิทธิลดหย่อนภาษีทำได้เฉพาะส่วนของเบี้ยความคุ้มครองเท่านั้น แบบประกันสะสมทรัพย์และแบบควบการลงทุนในส่วนของความมั่งคั่งยังสามารถนำมาร่วมในพอร์ตการลงทุนได้ด้วย

 

2. ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยปกติ และเจ็บป่วยร้ายแรง 

 

อาชีพอิสระเปรียบเหมือนนายจ้างของตัวเราเอง สวัสดิการพื้นฐานด้านสุขภาพมีเพียงสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า และสิทธิประกันสังคมมาตรา 39 หรือ มาตรา 40 ตามคุณสมบัติของเรา หากเจ็บป่วยจะส่งผลกระทบด้านการเงินทั้งรายได้และเงินออมที่หดหายลดน้อยลง จึงควรสร้างความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมทั้งการเจ็บป่วยปกติ การเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรง และทุพพลภาพ ที่สำคัญควรมองถึงเงินชดเชยรายได้ในช่วงพักรักษาตัว ซึ่งเราจะไม่สามารถมีรายได้ด้วย

 

ประกันสุขภาพในปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาลยิ่งขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องทำประกันแยกจากกัน ยกเว้นแต่เราต้องการเพิ่มความคุ้มครองอื่น ประกันสุขภาพประเภทเหมาจ่ายส่วนใหญ่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลหลักและมีเบี้ยประกันชีวิตที่ต่ำลง จึงตอบโจทย์ความคุ้มครองได้ดี ไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการสร้างความคุ้มครองเกินจำเป็น

 

3. ค่าใช้จ่ายเมื่อเราไม่มีรายได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

 

เมื่อการเกษียณไม่ได้จำกัดที่อายุ 60 ปี การสร้างความคุ้มครองและออมเงินที่ผสมผสานแผนการออมลงทุนและแผนความคุ้มครองเข้าด้วยกันช่วยให้สามารถวางแผนการเงินที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลได้ ประกันสะสมทรัพย์ที่ให้ทั้งความคุ้มครองและการออมไปในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะแบบประกันที่มีการเพิ่มจำนวนเงินออมแต่มีทุนประกันชีวิตคงที่ รวมทั้งแบบประกันควบการลงทุนที่เน้นการสร้างเงินออม สามารถใช้เป็นทางเลือกในการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่เราไม่มีรายได้

 

เมื่อรูปแบบของชีวิตมีความหลากหลายขึ้นและไม่แน่นอน ความคุ้มครองต่างๆ จึงต้องปรับให้ยืดหยุ่นขึ้นด้วย สิ่งสำคัญในการสร้างความคุ้มครองคือต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการสร้างความคุ้มครองที่ดี การใช้แผนการเงินแบบองค์รวมเฉพาะบุคคล ร่วมกับการเลือกแบบประกันที่ตรงวัตถุประสงค์ จะช่วยให้เราสร้างความคุ้มครองได้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตของเรา และมีต้นทุนในการสร้างความคุ้มครองที่เหมาะสม

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th