logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: ลงทุน

“สูตรผสม PVD + RMF ลงทุนแบบไหนให้เหมาะกับคุณ”

โดย อรพรรณ บัวประชุม นักวางแผนการเงิน CFP®

 

ทุกทีเคยได้ยินกันว่า จะลงทุนใน RMF + SSF ยังไง ไม่ให้เกินสิทธิบ้าง หรือจะต้องลงทุนยังไงสัดส่วนเท่าไหร่ให้เหมาะสมบ้าง คราวนี้สำหรับใครที่มีเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กับบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ และต้องการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ด้วย จะลงทุนเท่าไหร่ยังไงให้เหมาะสม มีเทคนิคแนะนำค่ะ

 

1. อยากสะสมเงินไว้ใช้หลังเกษียณมากๆ

 

แนะนำให้สะสมเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เต็มสิทธิ 15% แม้ว่าบริษัทจะสมทบให้น้อยกว่าก็ตาม และลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ให้เต็มสิทธิ 30% โดยการลงทุนทั้ง 2 ประเภท (เมื่อรวมการลงทุนในประกันชีวิตแบบบำนาญ และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)) รวมกันแล้วสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 500,000 บาท ที่แนะนำให้ลงทุนเต็มสิทธิก็เพื่อให้มีเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณมากๆ หน่อย แต่อย่าลืมว่าถ้ามีเวลาลงทุนนานเป็น 10-20 ปี แนะนำให้เลือกนโยบายลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากหน่อย อย่างเช่น นโยบายลงทุนในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ อาจมีลงทุนบ้างเป็นส่วนน้อย เพื่อเปิดโอกาสให้เงินเติบโตได้ในระยะยาว

 

2. ใจอยากสะสมเงินไว้ใช้หลังเกษียณมากๆ แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย

 

หลายเสียงเลยที่เป็นแบบนี้ นั่นเป็นเพราะสถานการณ์ในปัจจุบันส่งผลให้เรามีค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลคนในครอบครัวมากขึ้น รายได้น้อยลง หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ แนะนำให้ลองปรับเปลี่ยนสัดส่วนการสะสมเงินในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ก่อนค่ะ เพราะปัจจุบันไม่มีกำหนดการลงทุนขั้นต่ำ สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตามที่กองทุนกำหนดเช่น 500 บาท ก็สามารถลงทุนได้แล้ว เพื่อไม่ให้ผิดเงื่อนไขหยุดการลงทุนติดต่อกัน 2 ปี แนะนำให้ลงทุนสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้งเพื่อกันลืมลงทุน และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็สามารถเติมเพิ่มการลงทุนได้ ส่วนการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น โดยทั่วไปแล้วจะให้สิทธิเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินสะสมได้ปีละ 2 ครั้ง (ทุกกลางปีและปลายปี โดยขึ้นอยู่กับข้อบังคับกองทุนของแต่ละบริษัท) แนะนำให้แจ้งเปลี่ยนแปลงเงินสะสมลดลงได้ชั่วคราวในช่วงที่เราไม่ไหว แต่ไม่ควรน้อยกว่าเงินสมทบที่บริษัทสมทบให้ เช่น บริษัทสมทบให้ 5% ก็ควรสะสม 5% ขึ้นไป เพื่อให้มีการสะสมเงินไว้ใช้หลังเกษียณไว้บ้าง

 

3. นโยบายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีอยู่ไม่หลากหลาย

 

ในกรณีนี้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเราที่เลือกนโยบายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับพนักงานอาจจะไม่หลากหลายมากนัก ทำให้ไม่ตอบโจทย์การลงทุนของบางคน เช่น อายุตัวยังน้อยอยู่ มีเวลาลงทุนได้นาน ต้องการลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ไม่มีให้เลือก หากเป็นแบบนี้ เพื่อให้ตอบโจทย์การลงทุนของเรามากขึ้น การสะสมเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็ยังคงต้องสะสมอยู่แต่อาจจะสะสมในสัดส่วนที่น้อยหน่อย (แต่ไม่ใช่ไม่สมัครเข้าร่วมสะสมเลย) อย่างเช่น บริษัทให้สะสมได้ 15% ในขณะที่บริษัทสมทบให้ 5% และจะสมทบให้เพิ่มขึ้นตามอายุงาน หากเป็นแบบนี้เราก็อาจจะสะสมให้เท่ากับที่บริษัทสมทบให้ก็ได้ และเพิ่มการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่สามารถลงทุนได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้ทั้งปี ซึ่งเมื่อรวมการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันชีวิตแบบบำนาญ และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) แล้ว เมื่อนำไปลดหย่อนภาษีต้องไม่เกิน 500,000 บาท เพื่อให้นโยบายการลงทุนเหมาะสม และสอดคล้องกับตัวเราให้มากที่สุด ซึ่งการเลือกวิธีนี้ แนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นแบบ DCA เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการลงทุน

 

ไม่ว่าจะเลือกลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในสัดส่วนเท่าไหร่ นโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร อย่าลืมว่าการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้ เพื่อช่วยให้เรามีเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ ดังนั้น หากดูแล้วเรามีความจำเป็นทางการเงินจริงๆ ก็สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนลงได้ และเมื่อสถานการณ์ทางการเงินดีขึ้นก็ปรับการลงทุนเพิ่มขึ้นให้เต็มสิทธิได้ทั้ง 2 กองทุน ส่วนใครที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ก็ลงทุนด้วยตัวเอง วางแผนจัดการลงทุนเองผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้ เลือกนโยบายกองทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง เหมาะสมกับระยะเวลาการลงทุน และความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ เทคนิคการลงทุนที่ดีคือลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างวินัยให้กับตัวเอง และเพื่อเงินเหลือใช้หลังเกษียณค่ะ

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th