logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: เกษียณ

กับดักของการออมเงินเกษียณ ที่ทำให้ไม่ได้ตามเป้า

โดย วราญาณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา นักวางแผนการเงิน CFP®

 

การออมเงินเพื่อให้มีเงินใช้หลังเกษียณ เชื่อว่าหลายๆ คนเริ่มรู้ตัว เริ่มตระหนัก เริ่มวางแผน เริ่มเตรียมการ และเริ่มลงมือทำกันแล้ว ต้องออมมากน้อยขึ้นอยู่กับรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนๆ นั้น ท้ายสุดก็ต้องมีเป้าหมายออกมาว่าจำนวนที่ว่าคือเท่าใด ระยะเวลาที่จะหาเงินมาออมได้ถึงอายุใดเพื่อออมให้ได้เงินจำนวนนี้ สิ่งนี้ไม่ใช่สามารถทำให้สำเร็จภายในปีสองปี แต่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน ความมีวินัย มีกลยุทธ์ของตัวเอง เพื่อออมให้ถึงจำนวนเงินที่ต้องการ (ไม่นับคนส่วนน้อยที่โชคดี อาจได้รับเงินมรดก หรือทำธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จึงมีเงินออมเพียงพอในระยะเวลาอันสั้น) มาดูกันว่า ระหว่างการเดินทางไปให้ถึงเป้าหมายเงินออมที่วางไว้ กับดักที่อาจจะต้องเจอมีอะไรบ้าง หากติดกับดักแล้ว มีวิธีหลุดออกมาจากตรงนั้นได้อย่างไร

 

 กับดักที่ 1 : ของมันต้องมี ของมันต้องได้ 

 

ค่านิยมที่คิดว่า “ของมันต้องมี ของมันต้องได้” สิ่งเหล่านี้จะต้องมีเหมือนคนอื่นๆ ในโลกโซเชียล หรือ ใครๆ เขาก็มีกัน ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกาแบรนด์เนม เพราะกลัวตกกระแส หรือด้วยอิทธิพลการโฆษณาสินค้าที่มีแทบทุกช่องทาง การต้องได้ไปเที่ยวต่างประเทศ การต้องบริโภคกาแฟแบรนด์ดัง กินมื้ออาหารที่หรูหรา เพื่อให้มีภาพแสดงถึงความเป็นอยู่ที่ดี

 

พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลให้มีเงินออมเพื่อเกษียณน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แย่กว่านั้นอีกคือไม่มีเงินออมเลย และแย่ที่สุดคือมีหนี้สินล้นพ้นตัว คือสภาพรายรับที่ได้มาไม่เพียงพอจ่ายหนี้สินที่มีอยู่ได้ เพราะเกิดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นมากเกินไป เมื่อเงินออมไม่พอ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เกิดตกงาน หรือมีเรื่องที่ไม่คิดฝันที่ต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นมา ก็จะทำให้มีหนี้สินติดพันกันมากขึ้นไปอีก

 

ลองคิดดูว่า หากเราติดกับดักตัวนี้นานเกินไป รู้สึกตัวช้าเกินไป กว่าจะเริ่มมีเงินเก็บได้ก็อายุมากแล้ว จะส่งผลต่อเงินที่ใช้ในการออมเพื่อเกษียณมากขึ้น ในขณะที่จำนวนปีที่เหลือให้ออมนั้นน้อยลง

 

 

จากรูป จะเห็นได้ว่า เมื่อมีเป้าหมายอยากเก็บเงินให้ได้ 5 ล้านบาทตอนเกษียณอายุ 60 ปี โดยนำเงินไปลงทุนที่ผลตอบแทน 5% หากเริ่มต้นได้เร็วที่อายุ 25 ปี ใช้เงินออมต่อเดือนเพียง 4,400 บาท แต่หากเริ่มต้นที่อายุ 50 ปี ต้องใช้เงินออมถึง 32,200 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว

 

มาสำรวจตัวเองกันว่ากำลังติดกับดักนี้อยู่หรือเปล่า หากพบว่าใช่ แนวทางที่ดีคือ สมมติตัวเองว่าเกษียณ ณ วันนี้เลย เสมือนวันที่ไม่มีรายได้แล้ว สำรวจว่าสิ่งใดที่จำเป็นบ้างในการใช้ชีวิตของเราจริงๆ จะช่วยทำให้ภาพชัดเจนมากขึ้น

 

หลังจากนั้นให้จดบันทึกรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง อะไรสำคัญ ไม่สำคัญ อะไรจำเป็นในตอนนี้ ค่อยๆ ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง ลดการบริโภคในส่วน “ของมันต้องมี” ลงไป

 

หากพบว่ามีกระแสเงินสดติดลบ หาวิธีที่ทำให้กระแสเงินเป็นบวกแล้วเริ่มออมกันใหม่

 

หากกระแสเงินสดเป็นบวกอยู่แล้ว ให้ใช้เทคนิคออมก่อนใช้ก็ได้ ตั้งเป้าว่าจะออมเดือนละเท่าไร ให้ตัดเงินนั้นเพื่อออมก่อน เงินที่เหลือให้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็น เพียงเท่านี้ก็เหลือเงินไปออมเพิ่มขึ้น

 

น้องพีช สาววัยทำงานอายุ 30 ปี มีไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยวต่างประเทศปีละ 2 ครั้ง ชอบกินกาแฟแบรนด์หรูทุกวันเวลาทำงาน เฉลี่ยสัปดาห์ละ 5 แก้ว และเมื่อเหนื่อยจากงานมักสังสรรค์กับเพื่อนตอนเย็นวันเว้นวัน ทำให้ในแต่ละเดือนเธอแทบไม่มีเงินเหลือเก็บเลย

 

เธอเห็นภาพอนาคตของตนเองหากสถานการณ์ไม่มีเงินเก็บยังเป็นอยู่แบบนี้ แก่ตัวไปไม่มีเงิน และยังต้องทำงานหาเลี้ยงตนเองไปวันๆ เพื่อให้มีเงินพอใช้จ่าย เธอไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น จึงมาทบทวนบันทึกการใช้จ่ายของตนเอง เมื่อเห็นว่าบางอย่างไม่จำเป็นขนาดนั้น เธอจึงปรับพฤติกรรมการใช้เงินของเธอให้ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป โดยที่ตั้งใจเที่ยวต่างประเทศเหลือปีละ 1 ครั้ง กาแฟร้านโปรดกินเพื่อให้สุขใจบ้างเหลือสัปดาห์ละ 1 แก้ว และกลับบ้านพักผ่อนให้เร็วขึ้น ลดการสังสรรค์ให้เหลือสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

 

 

จากการปรับพฤติกรรมการใช้เงินของเธอ ทำให้เธอประหยัดเงินได้ปีละ 173,600 บาท เงินที่ประหยัดได้ก้อนนี้ไปลงทุนด้วยผลตอบแทนที่ 5%  ทำแบบนี้ทุกปีเป็นเวลา 30 ปี จนเกษียณที่อายุ 60 เมื่อเกษียณอายุเธอจะมีเงินถึง 11,533,783 บาทเลยทีเดียว

 

 

เห็นแบบนี้แล้ว เริ่มสำรวจตัวเองกันเลยว่า “ของมันต้องมี ของมันต้องได้” ของตนเองเยอะเกินความจำเป็นกันหรือยังนะ

 

 กับดักที่ 2 : แซนด์วิชเจนเนอเรชั่น 

 

แซนด์วิชเจนเนอเรชั่น คือภาวะของคนวัยทำงานที่ต้องดูแลคนถึง 2 รุ่น คือรุ่นลูก และรุ่นพ่อแม่ ส่วนตัวเองอยู่ตรงกลาง ในฐานะของคนเป็นพ่อแม่ของลูก ความรับผิดชอบที่มีต่อลูกก็ไม่พ้นค่าเล่าเรียน ค่าดูแลความเป็นอยู่ของบุตร พร้อมกันนั้นในฐานะที่เป็นลูกของพ่อแม่ บางคนอาจจะต้องดูแลในส่วนของความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ค่ารักษาพยาบาลของผู้มีพระคุณของเขา  คนเจนเนอเรชั่นนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัวให้มั่นคง จึงหนีไม่พ้นที่จะมีค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถอีก จากภาระค่าใช้จ่ายที่มากมายเช่นนี้ ทำให้เงินเหลือไม่พอจะออมให้ถึงเป้าหมายที่ต้องมียามเกษียณถ้าเทียบกับเวลาที่เหลืออยู่

 

จากภาพตัวอย่าง โทมัส อายุ 45 ปี มีเป้าหมายว่าต้องเก็บเงินเกษียณให้ได้ 10 ล้านบาท ที่ทำงานกำหนดอายุเกษียณให้ถึง 60 ปี เขาได้ลงมือคำนวณแล้วว่าสามารถออมได้เดือนละ 15,000 บาทเท่านั้น เขารับความเสี่ยงได้ในการลงทุนที่ผลตอบแทน 8% และไม่สามารถออมได้มากกว่านี้อีกแล้วเนื่องจากต้องดูแลลูก 2 คนที่กำลังอยู่ในวัยเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย ด้วยวัยของพ่อแม่ที่ชรา ทำให้โทมัสต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อแม่ถี่ขึ้น จากตัวเลขเหล่านี้แม้ว่าเขาจะเลือกออมด้วยผลตอบแทนที่สูงมากแล้วก็ตาม แต่ระยะเวลาอีก 15 ปีที่เหลือก่อนเกษียณที่อายุ 60 ปี ก็ไม่สามารถทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย 10 ล้านตามที่ตั้งใจไว้

 

 

ใครก็ตามที่ต้องอยู่ในภาวะแซนด์วิชเจนเนอเรชั่นเหมือนกับโทมัส จะให้โดดออกมาจากความรับผิดชอบคงเป็นไปไม่ได้ วิธีออกจากกับดักนี้ จำเป็นที่ต้องยืดระยะเวลางานเกษียณอายุออกไปเพื่อให้มีระยะเวลาออมเงินเพิ่ม ดังตัวอย่างของโทมัส ถ้าเขายืดอายุเกษียณของตัวเองเป็น 67 ปี เป้าหมาย 10 ล้านบาทก็เป็นไปได้

 

ในกรณีของพนักงานบริษัทอาจจำเป็นต้องศึกษากฎระเบียบบริษัทว่าอนุญาตขยายระยะเวลาเกษียณอายุนี้ออกไปได้ไหม หากทำได้ให้ใช้แผนนี้ แต่หากบริษัทไม่มีนโยบายนี้ ก็ต้องเตรียมตัวฝึกทักษะงานที่สองแต่เนิ่นๆ ไว้เป็นอาชีพหลังเกษียณของงานหลัก ในกรณีของฟรีแลนซ์ ให้หมั่นฝึกทักษะการทำงานหลายด้านเพิ่มเติม เหล่านี้ก็เพื่อสร้างโอกาสรายได้นอกเหนือจากงานหลัก และอาจเป็น passive Income ให้กับตนเองหลังเกษียณอายุก็ได้

 

 กับดักที่ 3 :  โรคกลัวการขาดทุน 

 

มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีวินัยทางการเงินดีมาก มีเป้าหมายในการเก็บเงินยามเกษียณของตนเองอย่างชัดเจน และเริ่มลงมือเก็บเงินตั้งแต่อายุยังน้อย แต่สิ่งหนึ่งพวกเขาอาจไม่รู้คือผลตอบแทนในสินทรัพย์ที่เอาไปลงทุน มีผลทำให้เงินของพวกเขาโตไม่เท่ากัน

 

คนทั่วไปมักจะคิดถึงการเอาเงินไปฝากบัญชีธนาคารเท่านั้นคือการออมเงิน เพราะรู้สึกว่าเงินของฉันยังอยู่ครบแถมได้ผลตอบแทนมาเป็นดอกเบี้ย ไม่อยากเอาเงินไปลงทุนทางอื่นเพราะกลัวการขาดทุน ทำให้พลาดโอกาสการได้รับผลตอบแทนดีๆ ของสินทรัพย์ชนิดอื่นที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือออมเงินเพื่อยามเกษียณได้ เช่น หุ้นกู้ หุ้นสามัญ กองทุนรวมประเภทต่างๆ

 

 

จากตัวอย่างข้างบนเริ่มต้นออมที่อายุ 25 ปี ใช้เวลาออมเงิน 35 ปี โดยออมเดือนละ 5,000 บาท หากเลือกสินทรัพย์ที่ผลตอบแทน 2 % อายุ 60 ปี จะมีเงิน 3,037,738 บาท แต่หากเลือกสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทน 8% เงินจะโตไปถึง 11,469,412 บาทเลยทีเดียว จึงเห็นได้ว่า แม้เก็บเงินเท่ากันด้วยระยะเวลาที่เท่ากัน แต่เลือกลงทุนที่ผลตอบแทนต่างกัน เงินโตจึงต่างกัน

 

เพื่อไม่ให้ติดกับดักโรคกลัวการขาดทุนนี้ ให้เริ่มศึกษาผลตอบแทนเฉลี่ยของสินทรัพย์ต่างๆ ธรรมชาติของสินทรัพย์นั้นๆ มีคาแรคเตอร์อย่างไร ศึกษาวิธีการลงทุนของสินทรัพย์แต่ละประเภท เช่น ลงทุนในหุ้นกู้ กองทุนรวม หุ้นสามัญทำอย่างไร นอกเหนือจากฝากเงินกับธนาคาร

 

บางทีการยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหน่อย ลงมือศึกษาและเลือกวิธีลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เงินงอกเงยมากขึ้น หมายความว่าถ้ายังคงออมเงินด้วยเวลาเท่าเดิม จะทำให้ได้เงินมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เพื่อใช้ชีวิตที่สุขสบายหลังเกษียณได้มากขึ้นอีกด้วย

 

ท้ายนี้ เริ่มลงมือตรวจสอบตนเองว่าติดกับดักเหล่านี้ให้แล้วหรือยัง ไม่สำคัญว่ากำลังติดกับดักอยู่กี่แบบ แต่สำคัญว่าเราออกมาจากกับดักได้เร็วแค่ไหน ยิ่งออกได้เร็วเท่าใด เป้าหมายเงินเกษียณที่วางไว้ก็จะถึงได้ไวตามใจปรารถนาแน่นอน

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th