logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: ประกันภัย

ประกันชีวิตแต่ละแบบเหมาะกับใคร...ใช่ในแบบที่คุณคิดหรือไม่

โดย แพรวพิรยา ศิริวัฒนาดิเรก นักวางแผนการเงิน CFP®

 

เมื่อพูดถึง “ประกันชีวิต” หลายคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น หรือมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อตัวแทน หรือต่อบริษัท ทำให้มองข้ามความสำคัญของการทำประกันชีวิต ขณะที่บางคนก็ซื้อประกันชีวิตเพียงเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ประกันชีวิตเป็นขั้นตอนหนึ่งของการวางแผนทางการเงินที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งเราสามารถเลือกประกันชีวิตให้เหมาะสมกับความต้องการและตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของเราได้

 

ก่อนอื่น เริ่มจากการตรวจสอบตัวเองก่อนว่าเรามีความจำเป็นต้องทำประกันชีวิตหรือไม่ ด้วยการตอบคำถามดังนี้

  1. ภาระทางการเงิน เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เงินกู้ของกิจการ มีอยู่หรือไม่
  2. หน้าที่ความรับผิดชอบ เราเป็นเสาหลักในการหารายได้ของครอบครัวหรือไม่
  3. เงินเก็บเพื่อการเกษียณอายุ วางแผนไว้เพียงพอหรือไม่

 

เมื่อตอบคำถามได้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการเลือกทำประกันชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเราเอง เพราะประกันชีวิตแต่ละแบบมีข้อดีและประโยชน์ที่แตกต่างกัน โดยประกันชีวิตสามารถแบ่งได้เป็น 5 แบบดังนี้

 

 1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term) 

 

ประกันชีวิตที่เน้นเรื่องความคุ้มครองในระยะสั้นถึงระยะกลาง เราสามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยและระยะเวลาคุ้มครองให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของเราได้ เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี

 

จุดเด่น : เบี้ยประกันถูกเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ

 

เหมาะกับ : คนที่เริ่มสร้างครอบครัว หรือคนที่เริ่มทำงานมาได้สักระยะหนึ่ง (อายุ 31-40 ปี)

 

 2. แบบประกันแบบตลอดชีพ (Whole Life) 

 

ประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองระยะยาว โดยจ่ายเบี้ยเป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี และจะได้รับความคุ้มครองตลอดชีวิต หรือตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น คุ้มครองจนถึงอายุ 90 ปี 99 ปี

 

จุดเด่น : เบี้ยประกันถูกและได้รับความคุ้มครองที่ยาวนาน เหมาะกับคนที่มีภาระความรับผิดชอบ หรือเป็นการสร้างมรดกให้กับลูกหลาน หรือคนที่ต้องการทำประกันพ่วงกับประกันสุขภาพ เพราะทำให้เราสามารถซื้อประกันสุขภาพได้ต่อเนื่อง

 

เหมาะกับ : คนที่เริ่มสร้างครอบครัวหรือต้องการสร้างเงินมรดกให้กับลูกหลาน

 

 3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) 

 

ประกันชีวิตที่เน้นเรื่องการเก็บเงิน โดยมีระยะเวลาคุ้มครองไม่ได้ยาวนานมาก เช่น คุ้มครอง 10 ปี 15 ปี 25 ปี ประกันแบบนี้มักมีเงินคืน หรือเงินปันผลระหว่างทางให้ด้วย (เงินปันผลขึ้นอยู่กับการบริหารเงินลงทุนของบริษัท)

 

ข้อดี : เป็นการเก็บเงินแบบการันตีเงินเป้าหมาย หรือเงินก้อนที่จะได้รับในอนาคต

 

เหมาะกับ : คนที่อยู่ในช่วงวัยเริ่มต้นทำงาน หรือคนที่ต้องการเก็บเงินอย่างสม่ำเสมอ

 

 4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity) 

 

ประกันชีวิตที่เน้นการออมเงินเพื่อการเกษียณโดยเฉพาะ โดยมีระยะเวลาจ่ายเบี้ยให้เลือก เช่น แบบจ่ายเบี้ยปีเดียว ซึ่งตอบโจทย์คนที่มีเงินก้อนใหญ่ แบบจ่ายเบี้ยต่อเนื่อง 5 ปี 10 ปี หรือจนถึงอายุเกษียณ 60 ปี เหมือนทยอยสะสมเงิน และเมื่อเกษียณอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี จะได้รับเงินคืนเป็นรายเดือน หรือรายปี ไปจนกระทั่งอายุ 85 ปี 90 ปี หรือ 99 ปี ตามที่กำหนดไว้

 

ข้อดี : ได้เตรียมเงินใช้จ่ายสำหรับช่วงเกษียณอายุอย่างสม่ำเสมอ

 

เหมาะกับ : คนทุกคนที่ต้องการเตรียมเงินเพื่อใช้ในช่วงเกษียณอายุ

 

 5. ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Link) 

 

ประกันชีวิตที่นำเบี้ยส่วนหนึ่งของเราไปลงทุนในกองทุนรวม โดยเราสามารถจัดพอร์ตการลงทุนได้เอง มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของผลตอบแทนที่จะได้รับ สำหรับเบี้ยอีกส่วนหนึ่งจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทำประกันคุ้มครองชีวิต

 

ข้อดี : มีความหยืดหยุ่นสูงในเรื่องของการจ่ายเบี้ยประกัน สามารถปรับสัดส่วนการประกันชีวิตและการลงทุนได้

 

เหมาะกับ : คนที่ต้องการได้รับทั้งความคุ้มครองและผลตอบแทน ที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้

 

เมื่อรู้แล้วว่า ตัวเราจำเป็นต้องทำประกันชีวิตหรือไม่ และประกันชีวิตแบบไหนที่เหมาะสมตอบโจทย์ความต้องการ ประกันอีกประเภทหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคปัจจุบัน คือ ประกันสุขภาพ เพราะมีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นมากมาย หากเจ็บป่วยถึงขั้นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ย่อมใช้เงินจำนวนไม่น้อย แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำประกันสุขภาพ แนะนำให้สำรวจก่อนว่า ปกติเราใช้บริการโรงพยาบาลใด สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่เรามีอยู่ทั้งของบริษัทที่ทำงาน ประกันสังคม หรือหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอ ค่อยพิจารณาทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม โดยข้อดีของการทำประกันสุขภาพคือ เสมือนเราสำรองเงินค่ารักษาพยาบาลไว้ส่วนหนึ่ง รวมถึงได้รับความรวดเร็วและความสะดวกสบายในการรักษาพยาบาล

 

สุดท้าย อย่าลืมตรวจสอบความสามารถในการชำระเบี้ยประกันด้วยนะคะ เพื่อไม่เป็นภาระทางการเงินกับตัวเราในภายหลัง เพราะประกันที่ดีที่สุดคือประกันที่เหมาะสมและช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่เราตั้งใจไว้นั่นเอง

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th