บทความ: ลงทุน
การแบ่งเงินลงทุนระยะ สั้น/กลาง/ยาว นั้นสำคัญไฉน ในเมื่อรวมกันไว้ก็ดูดี
โดย คุณบุณยนุช ยุทธ์ประทุม นักวางแผนการเงิน CFP®
ช่วงเดือนนี้ยังคงเป็นช่วงแห่งเทศกาลความรัก วันนี้เราจะมาแบ่งปันเคล็ดลับให้กับนักรักการลงทุนทุกท่านกัน เพื่อให้นักลงทุนทั้งหลายได้ส่งมอบผลลัพธ์จากความรักการลงทุนให้กับตนเองและคนที่คุณรักได้ต่อไป
หนึ่งในเคล็ดลับที่สำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม แต่มีผลกระทบกับการลงทุนและการเตรียมเงินเพื่อใช้ในอนาคตไม่น้อย คือการจัดสรรเงินลงทุนในระยะต่างๆ ให้เหมาะสมตามความต้องการที่จะใช้เงินก้อนนั้น ช่วงเดือนแห่งความรักนี้ บางท่านอาจเริ่มสะสมเงินลงทุนเป็นของขวัญให้ลูกน้อยเรียนต่อภายใน 18 ปีข้างหน้า กับอีกท่านที่ต้องการเงินลงทุนเพื่อใช้ในการเรียนต่อปริญญาโทในอีก 2 ปีข้างหน้า แม้เป็นสถานศึกษาหรือมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่มีระยะเวลาเตรียมเงินค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ และความเสี่ยงของการลงทุนเพื่อการศึกษาที่เหมาะสมของสองท่านนี้ที่แตกต่างกัน แต่สำหรับท่านที่ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ก็อาจมีเป้าหมายทางการเงินด้านอื่นๆ เพื่อตัวท่านเอง และคนที่ท่านรัก ไม่ว่าจะเป็นความต้องการเพื่อขยายธุรกิจ เปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ ขยายพื้นที่บ้าน เพื่อท่องเที่ยว เพื่อการดูแลสุขภาพ หรือเพื่อการเกษียณอายุ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าแต่ละท่านมีเป้าหมายการลงทุนเพื่อใช้เงินจากการลงทุนที่ต่างกัน และมักจะมีเป้าหมายการลงทุนมากกว่าหนึ่งเป้าหมาย อีกทั้งความจำเป็นในการใช้เงินอาจเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงจังหวะของชีวิต ดังนั้นการลงทุนที่ดีจึงควรเริ่มจากการเตรียมเงินสำรองยามฉุกเฉินให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายประมาณ 3-6 เดือน เพื่อไม่ให้กระทบกับการลงทุนส่วนอื่นยามเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา จากนั้นจึงกำหนดเป้าหมายการลงทุนต่างๆ ตามความจำเป็นและความต้องการของนักลงทุนเอง โดยทั่วไปเป้าหมายที่มีระยะเวลาการใช้เงินสั้นที่สุด ต้องลงทุนในสินค้าทางการเงิน (Financial Products) ที่มีความเสี่ยงต่ำสุด เป้าหมายที่มีระยะเวลาการใช้เงินยาวออกไป นักลงทุนสามารถลงทุนในสินค้าทางการเงินที่มีความเสี่ยงมากขึ้นได้ตามความเหมาะสม ควรมีการกระจายการลงทุนและปรับการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) อย่างสม่ำเสมอ
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากเราจัดระยะเวลาการลงทุนที่ไม่เหมาะสมกับการลงทุน หากท่านที่สะสมเงินเพื่อการศึกษาสำหรับลูกน้อยในอีก 18 ปีข้างหน้า โดยเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ท่านจะต้องสะสมจำนวนเงินออมในแต่ละปีให้มากพอ ที่จะชดเชยกับเงินเฟ้อทางการศึกษาในอนาคต ซึ่งเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี ทั้งสถานศึกษาในไทยและต่างประเทศ
สำหรับท่านที่สะสมเงินใว้เพื่อเรียนในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่สูง ซึ่งจะมีความผันผวนมากในระยะสั้น ก็จะเป็นการลงทุนที่ไม่เหมาะสม เพราะมีโอกาสที่จะไม่บรรลุเป้าหมายจากความผันผวน จากตัวอย่างนี้เราจะเห็นได้ว่าความเสี่ยงและระยะเวลาในการลงทุนไม่เหมาะสมกัน ในโลกของความจริงหากเตรียมเงินเพื่อการศึกษาไว้ไม่พอ ถึงเวลาชำระค่าเทอม เงินส่วนที่ขาดมักถูกดึงมาจากเงินในเป้าหมายอื่นๆ เช่น จากการท่องเที่ยว หรือเพื่อการเกษียณ ซึ่งจะทำให้การบรรลุเป้าหมายอื่นๆได้รับผลกระทบไปด้วย
การที่ทุกท่านต่างก็มีเป้าหมายทางการเงินหลากหลาย การรวมเงินทุกเป้าหมายเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันนั้น แลดูเหมือนจะสะดวกดี แต่นักลงทุนมักไม่สามารถแยกเป้าหมายการลงทุนอย่างชัดเจนได้ อีกทั้งยากต่อการกำหนดหรือบอกได้ว่าการลงทุนที่ลงทุนนั้นเพื่ออะไร ใช้เมื่อไหร่และใช้จำนวนเงินเท่าไหร่ อาจก่อให้เกิดความเครียดหรือความไม่สบายใจ หากสภาวะการลงทุนมีความผันผวนและพอร์ตการลงทุนมีการปรับตัวลงในช่วงสั้น ทั้งๆ ที่ความต้องการใช้เงินบางจำนวนนั้นอยู่ในระยะยาว
ผู้เขียนขอแนะนำให้นักลงทุนแบ่งเป้าหมายทางการเงินออกเป็น 3 ระยะ นั่นคือ
- เป้าหมายระยะสั้น มีระยะเวลาการใช้เงินที่ไม่เกิน 3 ปี พอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ควรมีระดับความเสี่ยงต่ำ หรือ ปานกลางค่อนไปทางต่ำ ควรมีการกระจายการลงทุนไปยังเงินฝากของสถาบันการเงิน ตราสารหนี้ที่มีระยะอายุ 1-3 ปี รวมถึงกองทุนตราสารหนี้ทั้งระยะสั้นและระยะปานกลาง 1-3 ปี
- เป้าหมายระยะกลาง สำหรับการลงทุนในระยะนี้ ผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง มีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 3-10 ปี แนะนำลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี กองทุนที่มีการกระจายสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน อีกทั้งการลงทุนในตราสารดังกล่าวยังสามารถกระจายการลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศ และปิดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนให้ดีมากยิ่งขึ้น
- เป้าหมายระยะยาว เทียบกับเป้าหมายระยะการลงทุนต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น พอร์ตการลงทุนนี้สามารถรับความเสี่ยงได้มาก เนื่องจากการลงทุนมีระยะการลงทุนที่นานมากพอ จะช่วยลดความผันผวนจากการลงทุน และมีโอกาสจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้น พอร์ตการลงทุนในเป้าหมายนี้สามารถลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้นพื้นฐานดี กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมที่เป็น Equity Index Fund กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งลงทุนในประเทศและกองทุนรวมเพื่อลงทุนต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF) ซึ่งมีทั้งประเภท Feeder Fund ที่ไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองเดียว และ Fund of Fund ที่มีการกระจายเงินไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศหลายกอง
จากเป้าหมายการลงทุนทั้ง 3 แบบ พอร์ตลงทุนยังสามารถมีสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลายได้ โดยผู้ลงทุนเลือกกำหนดสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ลงทุนที่เหมาะสม เพื่อกระจายความเสี่ยงเป็นหลักและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีด้วย
ดังนั้น เราจะเห็นว่าการแบ่งเงินตามระยะต่างๆ นั้นมีความสำคัญไม่น้อย ยิ่งนักลงทุนสามารถกำหนดระยะเวลาการลงทุนให้สัมพันธ์กับเป้าหมายการลงทุนชัดเจนเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้นักรักการลงทุนสามารถควบคุมสถานะทางการเงินและบรรลุเป้าหมายการลงทุนของตนเองและครอบครัวได้ดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น