logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: เกษียณ

การวางแผนเกษียณและภาษี ให้ได้ประโยชน์ 2 เด้ง

โดย เฉลิมพล ทองเปลว นักวางแผนการเงิน CFP®
ที่มา: นิตยสาร Money & Wealth ฉบับเดือนตุลาคม 2561

 

ในยุคปัจจุบัน การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ คงเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักทางการเงินของคนส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งทำได้โดยการสะสม จัดสรร สินทรัพย์ ที่มาจากรายได้จากอาชีพต่างๆ ในระหว่างวัยทำงาน และแน่นอน รายได้ที่ได้รับนั้น อาจจะต้องนำมาคำนวณเพื่อจ่ายภาษีให้กับประเทศของเรา แต่ถ้าเราได้วิธีที่จะทำให้ ได้ทั้งวางแผนเกษียณที่ต้องการแล้วยังทำให้ช่วยประหยัดภาษีไปในตัวได้อีกด้วย ขอแนะนำวิธีดังนี้ครับ

 

 

 1. ทำประกันสุขภาพ 

เพื่อโอนย้ายความเสี่ยงเรื่องการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ เป็นเรื่องพื้นฐานในการวางแผนเกษียณ แม้ว่ามองดูเผินๆ อาจจะไม่เป็นการสะสมสินทรัพย์ แต่หากไม่เตรียมเอาไว้ ทรัพย์สินที่มีไว้ใช้ในช่วงเกษียณก็อาจจะต้องสูญเสียไปอย่างมากหากเกิดการเจ็บป่วยรุนแรง หลังจากป่วยแล้วถึงมาทำประกัน ก็อาจไม่สามารถทำได้ในเงื่อนไขเดิมหรือบางกรณีต้องเสียเบี้ยประกันแพงกว่าปกติ จึงควรต้องทำไว้ในขณะสุขภาพดี และปัจจุบันเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำไปคำนวณลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท มีข้อแนะนำว่าประกันสุขภาพควรทำให้เหมาะสมกับความจำเป็นของแต่ละท่าน ไม่ควรยึดทำตามเท่าจำนวนเบี้ยประกันที่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีเท่านั้น

 

 

 2. สะสมสินทรัพย์ลงทุนที่มีจุดประสงค์ เพื่อการเกษียณที่ได้สิทธิทางภาษี 

สินทรัพย์ ประเภทนี้มักจะใช้ระยะเวลาสะสม หรือ อายุของตัวเรามาเกี่ยวข้องในสัญญา เช่น ครบอายุ 55 ปี เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อช่วยทางอ้อมไม่ให้นำมาใช้ก่อนเวลาเกษียณของเรานั่นเอง แถมระหว่างลงทุนให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ซึ่งได้แก่

 

 2.1 กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ 

หรือ ที่เรียกกันทั่วๆ ไปว่า RMF การลงทุนวิธีนี้สร้างวินัยออมเงินด้วยเงื่อนไขจำง่ายว่า เมื่อเริ่มลงทุนใน RMF แล้ว บังคับว่าต้องลงทุนใน RMF ไปเรื่อยๆ ทุกปีที่มีรายได้ (ขั้นต่ำ 3% ของรายได้ หรือ 5,000 บาทแล้วแต่จำนวนไหนน้อยกว่า) จนครบอายุ 55 ปี และนับจำนวนปีที่ลงทุนได้ครบ 5 ปี เป็นอย่างน้อย (มีข้อผ่อนผันได้ว่าลงทุนปีเว้นปีได้) เงินลงทุนนำไปคิดลดหย่อนภาษีต่อปีได้สูงสุด 15% ของรายได้และไม่เกิน 500,000 บาท

 

 2.2 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 

สำหรับภาคเอกชนที่บริษัทได้จัดตั้งกองทุนให้กับพนักงาน จุดเด่นมากๆ ของกองทุนนี้ คือ การที่กฎหมายกำหนดว่าบริษัทต้องสมทบเงินเข้ากองทุนไม่น้อยกว่าที่พนักงานสะสม เช่น นาย เอ สะสมเข้ากองทุน 10% ของเงินเดือน บริษัทก็ต้องสมทบเงินเข้ากองทุนให้ นาย เอ ขั้นต่ำ 10% เช่นกัน เปรียบเสมือนว่าเบื้องต้น นาย เอ ก็ได้กำไรเงินต้น 100%จากการสะสมเงินแล้ว ยังไม่รวมดอกผลจากผลการดำเนินการของกองทุน เงินกองทุนนี้จะนำออกมาใช้โดยไม่มีภาระภาษีใดๆ เมื่ออายุครบ 55 ปี และเป็นสมาชิกกองทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี เงินในส่วนที่พนักงานหักสะสมจากเงินเดือนตัวเองเข้ากองทุน นำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท

 

 2.3 กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. 

สำหรับภาครัฐ ส่งเสริมให้ข้าราชการที่เป็นสมาชิกกองทุน ได้ออมเพื่อวัยเกษียณ ปัจจุบันจึงมีกฎหมายให้สิทธิสะสมเงินเข้ากองทุนได้จำนวนตั้งแต่ 3-15% ของเงินเดือน แต่เงินสมทบจากภาครัฐกำหนดไว้ที่ 5% ของเงินเดือน การนำเงินกองทุนออกมาใช้โดยไม่มีภาระภาษี ต้องดูที่อายุสมาชิกครบ 50 ปีขึ้นไป ประกอบกับอายุราชการ เงินส่วนที่สะสมจากเงินเดือนเข้ากองทุนนี้ นำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท 

 

 2.4 กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. 

เป็นโครงการใหม่ที่พึ่งเริ่มจัดตั้งในปี 2558 ภาครัฐพยายามส่งเสริมเรื่องการออมเพื่อการเกษียณให้คนทุกอาชีพ โดยเมื่อเราสะสมเงินเข้ากองทุน รัฐจะมีการสมทบเงินให้ด้วย ซึ่งจะสมทบเท่าไร ก็สามารถศึกษาได้ตามเงื่อนไขกองทุน จุดเด่นของกองทุนนี้ คือเริ่มสะสมได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีเลย และเมื่อครบอายุ 60 ปี ก็จะได้รับบำนาญทุกเดือนไปจนเสียชีวิต  กองทุนนี้สะสมได้สูงสุดปีละ 13,200 บาท และนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 

 

 2.5 ประกันชีวิตแบบบำนาญ 

ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าแบบประกันประเภทนี้จะจ่ายเงินบำนาญรายปีให้เราได้เมื่อครบอายุ 55 ปีเป็นต้นไปจนถึงอายุ 85-90 ปี แล้วแต่แบบประกัน จุดเด่นคือ มีการจ่ายทุนประกันชีวิตหากเสียชีวิตก่อน หรือ หากมีสัญญาคุ้มครองการทุพพลภาพแนบ แล้วเกิดเหตุเข้าเงื่อนไขในกรมธรรม์ ก็ไม่ต้องชำระเบี้ยประกันอีกต่อไปแต่ยังรอรับบำนาญหลังเกษียณไปตลอดได้เหมือนเดิม เบี้ยประกันบำนาญใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้และไม่เกิน 200,000 บาท

 

 2.6 ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ 

ซึ่งมีแบบประกันหลากหลายให้เลือก จำนวนปีที่ออมได้มีทั้งระยะสั้น หรือ ระยะยาว แต่ต้องมีระยะเวลาสัญญา 10 ปีขึ้นไป มีทั้งแบบครบกำหนดได้เงินก้อนหรือเงินรายปีทุกปีจนครบสัญญา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ การรับรองผลตอบแทน เบี้ยประกันแบบนี้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท

 

 2.7 กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF 

หากจะใช้ LTF ในการนำมาวางแผนเกษียณ ย่อมทำได้เช่นกันและสามารถใช้สิทธิลดภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้และไม่เกิน 500,000 บาท แต่ทั้งนี้เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้และตั้งใจนำไปอยู่ในแผนเกษียณจริงจัง เนื่องจาก LTF สามารถขายคืนหน่วยลงทุนไปใช้ได้ก่อนโดยไม่มีบทปรับทางภาษี เพียง 7 ปีปฏิทินนับจากลงทุน

 

จะเห็นได้ว่า การวางแผนเกษียณในปัจจุบัน รัฐบาลสนับสนุนให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการออมในสินทรัพย์ลงทุนหลายทาง หรือแม้กระทั่งการทำประกันสุขภาพ แต่ในการคำนวณภาษีสุดท้ายอาจต้องศึกษาเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกครั้งให้ชัดเจน ขอให้ทุกท่านได้วางแผนเกษียณตามเป้าหมายแถมได้เงินภาษีคืนมาด้วยอีกต่อหนึ่ง ทุกปีๆ เลยนะครับ

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th