บทความ: ลงทุน
3 เคล็ดลับ เพื่อการลงทุนให้สุขใจ
โดย ชวลักษณ์ ทิพย์สุนทรพงษ์ นักวางแผนการเงิน CFP®
ที่มา: นิตยสาร Money & Wealth ฉบับเดือนมีนาคม 2561
ทุกวันนี้ พบว่ามีนักลงทุนจำนวนมาก ไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน หลายท่านถึงขั้นมีความทุกข์อันเกิดมาจากการลงทุนของตัวเอง วันนี้ผมมีเคล็ดลับง่ายๆ 3 ข้อ เพื่อให้ทุกท่านลองนำไปปรับใช้เพื่อให้การลงทุนของท่านนอกจากจะได้ผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังนำมาซึ่งความสุขในชีวิตได้ด้วย
1. รู้เป้าหมาย
เป็นสิ่งที่สำคัญมากก่อนที่จะเริ่มลงทุน เพราะเป้าหมายทางการเงินที่แตกต่างกัน ย่อมเหมาะสมกับสินทรัพย์ทางการเงินที่ต่างกันด้วยเช่น เป้าหมายระยะสั้นอีกไม่นานจะต้องหยิบใช้เงิน (0-3 ปี) เคยเห็นคนเอาเงินค่าเทอมลูกที่จะต้องจ่ายในอีก 3 เดือนลงไว้ในหุ้นถึงเวลาหุ้นตกต้องขายขาดทุน ดังนั้นเป้าหมายระยะสั้น หรือหากต้องการพักเงินไว้เพื่อรอใช้ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำ เช่นบัญชีเงินฝาก หรือกองทุนรวมตราสารตลาดเงิน เป็นต้น
เป้าหมายระยะกลางเพื่อรอการใช้ในอนาคต (3-7 ปี) ระยะเวลาที่ยาวขึ้น สามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น ดังนั้น สามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น หรือตราสารหนี้ระยะกลางได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
เป้าหมายระยะยาว (เกิน 7 ปีขึ้นไป) มีเวลาให้เงินลงทุนได้มีโอกาสเติบโตได้เต็มที่ การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้นหรือกองทุนรวมหุ้นสามารถตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี แม้จะมีความผันผวนด้านราคาแต่ระยะยาวก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8-10% ต่อปีเลยทีเดียว
การมีเงิน และความอยากที่จะลงทุน แต่ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนและนำเงินไปลงทุนผิดประเภทสินทรัพย์ มักนำพามาซึ่งความยุ่งยากในอนาคต หรือมีเงินก็จริงแต่ไม่มีความสงบสุขทางใจ
2. เลือกตัวที่ดี
ทุกวันนี้ ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีมากมาย เราสามารถเปรียบเทียบสินค้าทางการเงินประเภทเดียวกันจากหลายๆ ที่ แล้วค่อยพิจารณาเลือกตัวที่ดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการซื้อกองทุน LTF สักตัว อยากรู้ว่าตัวไหนดีก็สามารถหาแหล่งข้อมูลที่เป็นกลางเช่น อาจดูจาก Morningstar Rating เป็นต้น กองทุนไหนได้ 4-5 ดาว มาหลายปีก็อาจเลือกจากกลุ่มนั้น เพราะมันบอกถึงฝีมือของผู้จัดการกองทุนที่บริหารได้ดีมาอย่างต่อเนื่อง และก็น่าจะสร้างผลงานที่ดีได้ในอนาคตได้ไม่ยากเช่นกัน
และหากต้องการเลือกลงทุนในหุ้นการวิเคราะห์งบการเงินและสัดส่วนทางการเงินต่างๆ ก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยคัดหุ้นที่เราต้องการออกมาได้ ซึ่งทุกวันนี้เราก็ไม่ต้องคิดคำนวณเอง สามารถค้นหาได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ และนำมาตัดสินใจได้
แต่ก่อนที่จะเลือกสินค้าทางการเงินตัวไหน ควรจะหาข้อมูลเปรียบเทียบก่อนสักนิด ไม่เช่นนั้นถ้าซื้อผิด ชีวิตก็อาจจะเปลี่ยนเลยทีเดียว
3.บริหารความเสี่ยง
มีหลายวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้การลงทุนของเราประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวได้มากขึ้น เช่น
กระจายการลงทุน นักลงทุนจำนวนมากมักมองหาสินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนสูงที่สุดและดีที่สุด แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า สุดท้ายแล้วอะไรจะดีที่สุด ดังนั้น นอกจากหุ้นแล้ว อาจมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ ทองคำ หรือสินทรัพย์การเงินชนิดอื่นๆ และเรายังสามารถแบ่งสัดส่วนการลงทุนไปยังต่างประเทศ ซึ่งก็มีหลายภูมิภาคที่น่าสนใจ ตัวเลือกพวกกองทุนรวมที่ลงทุนได้ง่าย และมีนโยบายที่หลากหลายก็จะเข้ามาช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ดีมากๆ
การเฉลี่ยซื้อ (Dollar Cost Average, DCA) คือการแบ่งเงินทยอยซื้อสะสมนั่นเอง ตัวอย่างเช่น การตั้งคำสั่งซื้อ LTF หรือ RMF ทุกสิ้นเดือนนอกจากจะช่วยตัดปัญหาที่ว่าไม่รู้จะซื้อตอนไหนดีแล้ว ยังช่วยสร้างระเบียบวินัยในการลงทุน และถ้าไปดูข้อมูลย้อนหลังหลายๆปีแล้ว จะพบว่า ราคาของ LTF และ RMF ปลายปีมักจะสูงกว่าต้นปี ดังเช่นปี 2560 ที่ผ่านมา ส่งผลให้คนที่เฉลี่ยซื้อตั้งแต่ต้นปี ได้กำไรสะสมมากกว่าคนที่เก็บไว้รอซื้อปลายปีไปพอสมควร
ถือให้ยาว หากเราลงทุนในกองทุนที่ดี หรือหุ้นที่ดี ระยะยาวราคาก็จะสูงขึ้นตามการเติบโตของบริษัทที่เราไปลงทุน แต่ขอย้ำว่า ต้องลงในหุ้นที่ดี หรือกองทุนที่ดีเท่านั้นนะครับ!เพราะถ้าตัวที่ถืออยู่ไม่ใช่ตัวที่ดี ถือให้ยาวยังไงก็ไม่มีประโยชน์ครับ เงินลงทุนเราอาจจะไม่เติบโตเลย หรือเผลอๆ อาจติดลบ
มีโอกาสได้ดูพอร์ตการลงทุนของหลายๆ ท่าน ช่วงที่ตลาดหุ้นขึ้นเยอะๆ ปรากฏว่า ส่วนของหุ้นที่เราเล่นเองส่วนใหญ่ ราคาไม่เขียวสดใสเหมือนตลาดเลย บางท่านติดลบด้วยซ้ำแต่จะมีอยู่ส่วนหนึ่งที่เขียวสดใสอยู่ในพอร์ต พอจะเป็นกำลังใจให้ได้บ้าง ก็คือส่วนของ LTF ที่ซื้อสะสมไว้ เหตุเพราะ LTF ถูกบังคับให้ถือยาว ไม่ให้ซื้อๆ ขายๆ ตามอารมณ์นักลงทุน ผลก็คือ เงินที่ลงทุนไปมันก็ทำงานเติบโตให้เราอย่างเต็มที่นั่นเอง
หวังว่า 3 เทคนิคในวันนี้ 1. รู้เป้าหมาย 2. เลือกตัวที่ดี และ 3. บริหารความเสี่ยงจะช่วยให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนมากขึ้น นั่นหมายถึงความสุขในชีวิตนั่นเองครับ