logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: บริหารจัดการเงิน

“พิชิตเป้าหมาย “บ้านเพื่อแม่” วางแผนการเงินอย่างไรให้ไม่เครียด”

 

ผมชื่อเอิร์ธ อายุ 35 ปี เป็นพนักงานขาย รายได้เฉลี่ย 45,000 บาทต่อเดือน มีเงินเก็บ 80,000 บาท
อยากซื้อบ้านหลังแรกให้แม่ในต่างจังหวัด งบประมาณ 1.8 ล้านบาท แต่ไม่อยากกู้เต็ม เลยตั้งเป้าว่าอยากเก็บเงินดาวน์ 300,000 บาทใน 2 ปี แนะนำแผนเก็บเงินกับเลือกสินเชื่อยังไงให้ไม่เครียดได้ไหมครับ?

– เอิร์ธ ลูกชายที่อยากตอบแทนแม่

 

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความดีใจแทนคุณแม่เลยนะที่มีลูกกตัญญูอย่างน้อง ซึ่งในปัจจุบันเริ่มหาได้ยากมากขึ้น เหตุผลก็เพราะการทำมาหารายได้ในปัจจุบันยากมากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายกลับมากขึ้น ยิ่งเป็นพวกอสังหาริมทรัพย์ อย่าง บ้าน ที่ดิน ราคาพุ่งกระฉูดมาก จนหลายครั้งพี่ยังต้องคิด “คนรุ่นใหม่จะมีบ้านของตนเองได้อย่างไร?” ทำให้คนรุ่นใหม่ลำพังเอาตัวเองให้รอดยังยากเลย

 

สำหรับความฝันของน้อง อยากดาวน์บ้านให้แม่ จะทำฝันให้เป็นจริง ทำได้อย่างไรบ้าง

เป้าหมายของน้อง คือ หาเงินดาวน์บ้าน 300,000 บาท ภายใน 24 เดือน

โดยตอนนี้มีเงินเก็บอยู่ 80,000 บาท เท่ากับน้องต้องออมเพิ่ม 300,000 - 80,000 = 220,000 บาท

แนะนำเผื่อเงินสำรอง (ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด/ค่าโอน/ค่าจดจำนอง/สำรอง) สมมติราคาบ้านอยู่ที่ 1ล้านบาท

  • ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์:
    • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์: 2% ของราคาประเมินที่ดิน (ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันว่าใครจะรับผิดชอบ) จะเท่ากับ 20,000 บาท
    • ค่าจดจำนอง: 1% ของวงเงินกู้ (วงเงินกู้เท่ากับ 1 ล้านบาท – 300,000 บาท = 700,000 บาท) จะเท่ากับ 7,000 บาท
    • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ: คิด 3.3% ของราคาขายหรือราคาประเมิน แล้วแต่ว่าอย่างใดจะสูงกว่า (ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นหลัก หากถือครองไม่ครบตามเงื่อนไข) จะเท่ากับ 3.3% * 1 ล้านบาท = 33,000 บาท (ถ้ามีเงื่อนไขเข้าเกณฑ์)
    • ค่าอากรแสตมป์: 0.5% ของราคาประเมิน (สำหรับบ้านใหม่) หรือ 0.01% (สำหรับบ้านมือสอง) (เฉพาะกรณีที่ไม่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ) จะเท่ากับ 0.5% * 1 ล้านบาท = 5,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ:
    • ค่าประเมินราคาหลักประกัน: ประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อแปลง
    • ค่าประกันอัคคีภัย: เก็บทุก ๆ 3 ปี ประมาณ 2,000 บาท ต่อมูลค่าบ้าน 1 ล้านบาท
    • ค่าอากรแสตมป์สำหรับสัญญากู้เงิน (กรณีธนาคารคิด): 0.05% ของวงเงินกู้ จะเท่ากับ               0.05% * 700,000 = 350 บาท
    • ค่าติดตั้งและประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟ: (2,000-3,000 บาท)
    • ค่าตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์: เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมเพิ่ม

รวมจำนวนเงินที่น้องต้องมีพร้อมสำหรับการดาวน์บ้านให้แม่ในอีก 2 ปี ข้างหน้า เท่ากับ

ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ เท่ากับ

  • 220,000 + 20,000 + 7,000 + 33,000 (กรณีเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ) + 5,000 = 285,000 บาท หรือ
  • 220,000 + 20,000 + 7,000 + 5,000 (กรณีเสียอากรแสตมป์) + 5,000 = 257,000 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆโดยประมาณ เท่ากับ 5,000 + 2,000 + 350 + 3,000 = 10,350 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ประมาณ 267,350 ถึง 295,350 บาท (ปัดเป็น 300,000 บาท)

สรุปโดยคร่าวๆแล้ว น้องควรต้องมีเงินพร้อมสำหรับการดาวน์บ้านให้แม่ในอีก 2 ปีข้างหน้า เท่ากับ 300,000 บาท

ยอดต้องออมต่อเดือน = 300,000 ÷ 24 = 12,500 บาท/เดือน ถ้าเงินออมที่น้องออมได้ผลตอบแทน 0%ต่อปี แต่ถ้าน้องเพิ่มผลตอบแทนได้มากขึ้น จำนวนเงินที่ต้องออมก็จะลดน้อยลง

อย่างกรณีนี้ พี่แนะนำบัญชีเงินฝากปลอดภาษี ที่ให้ดอกเบี้ยที่มากกว่าบัญชีเงินฝากทั่วไป ไม่ต้องเสียภาษี และระยะเวลาการออมตามเงื่อนไขคือ อย่างต่ำ 2 ปี สอดคล้องกับเป้าหมายของน้องพอดีเลย

สมมติน้องเลือกฝากบัญชีเงินฝากปลอดภาษี ได้ดอกเบี้ย 2.95%/ปี ภาระการออมของน้องก็จะลดเหลือ 12,150 บาท

การบริหารรายจ่าย

  • รายได้เฉลี่ย 45,000 บาท/เดือน
  • เสียภาษี 1,217 บาท/เดือน (14,600 บาท/ปี)
  • เงินออมสำหรับการดาวน์บ้าน 12,500 บาท/เดือน (ออมเผื่อเพิ่มขึ้นจากที่คำนวณได้ 12,150 บาท)
  • เหลือเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายและการออมเพื่อเป้าหมายอื่นๆ 31,283 บาท/เดือน แนะนำลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เผื่อกรณีไม่คาดคิดที่กระทบต่อรายได้ เช่น ถูกเลิกจ้าง ฯลฯ หรือ เพื่อมีเงินออมสำหรับการดาวน์บ้านมากขึ้น จะได้ลดภาระดอกเบี้ย การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เป็นเครื่องมือที่ดีที่แนะนำนะ
  • หากมีภาระหนี้อยู่ ให้จัดการหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงออกไปก่อน เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ฯลฯ และงดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น

การบริหารรายได้

  • ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม
  • สำหรับลูกค้าเดิม ลองมองหาวิธี Upselling คือ การโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อสินค้า เวอร์ชันที่อัปเกรดกว่าเดิม หรือ ราคาแพงกว่า เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น หรือ Cross-selling คือ การแนะนำ สินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องและเสริมกัน เพื่อซื้อเพิ่มจากสินค้าหลักที่ลูกค้ากำลังจะซื้อ
  • ขายของออนไลน์ (ของที่เกี่ยวกับงานที่ถนัด) เริ่มเล็ก ๆ ขายของมือสอง/ของใหม่ที่หาซื้อได้ส่งต่อ
  • ลองมองหาอาชีพฟรีแลนซ์ ตามแพลตฟอร์มต่างๆ

แพลตฟอร์มต่างประเทศ ที่ใช้กันอยู่ ได้แก่

  • Upwork → ใหญ่ที่สุด ครอบคลุมงานเขียน, แปล, โปรแกรม, การตลาด
  • Fiverr → เหมาะกับการขายงานเป็นแพ็กเกจ (เช่น ทำโลโก้ 1,000 บาท)
  • Freelancer.com → มีทั้งงานประมูลและงานตรง
  • Toptal → เน้นสายโปรแกรมเมอร์/นักออกแบบระดับสูง
  • 99designs → งานออกแบบโดยเฉพาะ (โลโก้, กราฟิก, UI/UX)
  • PeoplePerHour → งานหลากหลาย เช่น เขียนบทความ, แปลภาษา, SEO

แพลตฟอร์มในไทย ที่ใช้กันอยู่ ได้แก่

  • Fastwork → แพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ยอดนิยมในไทย มีทุกสายงาน
  • FreelanceBay → มีงานทั้งกราฟิก, เขียน, แปล, IT
  • ThaiFreelanceAgency → งานออกแบบ, พัฒนาเว็บ, การตลาด
  • Workana (มีภาษาไทย) → รับงานออนไลน์ได้หลากหลาย
  • LinkedIn → หา freelance project ผ่าน connection ในไทยและต่างประเทศ

การบริหารเงินออม

  • เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์สำหรับสำรองค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ตกงาน ฯลฯ ขั้นต่ำ 3 เดือนของค่าใช้จ่ายจำเป็น (ถ้าปัจจุบันรายได้อยู่ที่เดือนละ 45,000 บาท ก็ควรทยอยเก็บเงินในบัญชีให้ได้ 150,000 บาทโดยอาจเริ่มที่เดือนละ 10,000 บาท เพื่อไม่เป็นภาระเกินไป
  • เปิดบัญชีเงินฝากปลอดภาษีสำหรับออมเพื่อเงินดาวน์ โดยตั้งโอนอัตโนมัติเมื่อเงินเดือนเข้า เดือนละ 12,500บาท (ศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบดอกเบี้ยของแต่ละสถาบันการเงินก่อนนะ)

เคล็ดลับในการวางแผน

  • พิจารณาเลือกซื้อบ้านที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย และ ความสามารถทางการเงิน
  • วางแผนการออมให้ดี เพื่อให้มีเงินสำรองสำหรับเงินดาวน์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • พิจารณาการวางเงินดาวน์ที่สูงขึ้น จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงได้
  • พิจารณาเลือกบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยหลังหักภาษีสูง โดยเลือกสถาบันการเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูงที่สุด จากตัวอย่างที่แนะนำ คือ บัญชีเงินฝากปลอดภาษี
  • ตอนเลือกสินเชื่อ สิ่งที่ต้องพิจารณา:
  • ระยะเวลาการผ่อน ยิ่งยาว งวดต่อเดือนยิ่งต่ำ แต่ดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายจะสูงขึ้น เลือกระยะเวลาการผ่อนที่เหมาะสมกับตนเอง
  • ตัวอย่างการผ่อน (สมมติสินเชื่อ 700,000 บาท — ตัวอย่างค่าใช้จ่ายผ่อนต่อเดือน (ประมาณการตามอัตราดอกเบี้ยสมมติ)
    1. เงินผ่อน/เดือน

อัตราดอกเบี้ย/ปี

ระยะเวลาผ่อน (ปี)

10

20

30

6%

7,771

5,015

4,197

7%

8,128

5,427

4,657

8%

8,493

5,855

5,136

 

    1. จำนวนเงินที่จ่ายทั้งหมด

อัตราดอกเบี้ย/ปี

ระยะเวลาผ่อน (ปี)

10

20

30

6%

932,572

1,203,604

1,510,867

7%

975,311

1,302,502

1,676,562

8%

1,019,152

1,405,219

1,849,087

 

    1. ดอกเบี้ยที่จ่ายทั้งหมด

อัตราดอกเบี้ย/ปี

ระยะเวลาผ่อน (ปี)

10

20

30

6%

232,572

503,604

810,867

7%

275,311

602,502

976,562

8%

319,152

705,219

1,149,087

 

  • เลือกประเภทดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับตนเอง (คงที่ และ ลอยตัว) โดยทั่วไป ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะคงที่ระยะแรกๆ (ประมาณ 3 ปี) หลังจากนั้นจะเป็นดอกเบี้ยลอยตัว ถ้ากลัวความผันผวน ให้มองหาแผนอัตราดอกเบี้ยคงที่ช่วงแรก (fixed) แล้วถ้าเห็นสมควรค่อยรีไฟแนนซ์
  • เลือกสถาบันการเงินที่คิดค่าธรรมเนียมต่างๆ และเงื่อนไขของสินเชื่อ เช่น ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ค่าประกันอัคคีภัย ฯลฯ ในอัตราที่ต่ำ โดยควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายธนาคารเพื่อหาข้อที่คุ้มค่าที่สุด
  • คำนวณภาระผ่อน (รวมประกัน/ค่าบ้าน) ไม่เกิน 30–35% ของรายได้หลังภาษี เพื่อไม่กดดันตัวเองเกินไป และโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อมีสูง

สุดท้าย ก็ขอแสดงความดีใจกับคุณแม่และน้องล่วงหน้านะ ขอให้มีความสุขกับบ้านหลังใหม่Renovation (House With Sparkles) outline

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th