logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: บริหารจัดการเงิน

8 กับดักทางการเงินและวิธีแก้ไข

 

ในยุคที่เศรษฐกิจยังไม่น่าไว้วางใจและค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การวางแผนการเงินที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม กับดักทางการเงินที่หลายคนเผชิญอยู่อาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สิน การขาดเสถียรภาพทางการเงิน และความเครียดในการดำเนินชีวิต อย่างไรก็ตาม หากเข้าใจและรู้เท่าทันกับดักเหล่านี้ พร้อมทั้งมีแนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง ก็สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคงสู่อิสรภาพทางการเงินที่ยั่งยืนได้

 

การขาดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน

หลายคนอาจเคยรู้สึกเหมือนกำลังไม่มีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน หรืออาจหาเงินไปวัน ๆ โดยไม่รู้ว่าต้องการอะไรในอนาคต

หากเป็นเช่นนี้ลองกำหนดเป้าหมายแบบ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) เช่น แทนที่จะบอกว่า “อยากมีเงินเก็บ” ลองเปลี่ยนเป็น “ต้องการเก็บเงิน 5 แสนบาทภายใน 3 ปี เพื่อเป็นเงินดาวน์บ้าน”

วิธีแก้ไข

  • จัดทำแผนที่เป้าหมายการเงิน เริ่มจากเขียนเป้าหมายระยะสั้นที่ต้องทำเร่งด่วน เช่น การเก็บเงินเผื่อฉุกเฉิน ไปจนถึงเป้าหมายระยะยาว เช่น เก็บเงินเพื่อเกษียณ พร้อมระบุจำนวนเงินและระยะเวลาที่ชัดเจน
  • เขียนเป้าหมายลงบนกระดาษและติดไว้ในที่ที่มองเห็นได้ทุกวัน การเห็นเป้าหมายทุกวันจะช่วยเตือนใจและสร้างแรงบันดาลใจ
  • ทบทวนและปรับเป้าหมายทุก 3 - 6 เดือน กำหนดวันทบทวนเป้าหมาย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าและปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หากไม่เป็นไปตามแผน
  • แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย ๆ ที่จับต้องได้ เช่น เป้าหมายมีเงิน 1 ล้านใน 8 ปี แสดงว่าต้องแบ่งเงินไปลงทุนเดือนละ 8,493 บาท และลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี

 

การประเมินความเสี่ยงผิดพลาด

“ความกลัวทำให้สูญเสียโอกาส แต่ความประมาททำให้สูญเสียทุกอย่าง” หลายคนมักประเมินความเสี่ยงผิดพลาดไปทั้งสองด้าน บางคนกลัวความเสี่ยงมากเกินไปจนเก็บเงินไว้แต่ในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำ ในขณะที่บางคนกล้าเสี่ยงมากเกินไปจนลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงเกินความสามารถในการรับความเสี่ยง

วิธีแก้ไข

  • ทำแบบประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ทำแบบทดสอบเพื่อประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น อายุ รายได้ ภาระทางการเงิน ประสบการณ์การลงทุน และความสามารถในการรับความเสี่ยง
  • กระจายการลงทุนตามหลัก Asset Allocation จัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น หุ้น 60% ตราสารหนี้ 30% และเงินฝาก 10% โดยพิจารณาจากอายุและเป้าหมายทางการเงิน
  • สร้างพอร์ลงทุนที่สมดุล กระจายการลงทุนให้ครอบคลุมทั้งสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่ให้ผลตอบแทนดี และสินทรัพย์เสี่ยงต่ำที่ให้ความมั่นคง เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม
  • ศึกษาและทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์การลงทุน ทำความเข้าใจลักษณะ ความเสี่ยง ผลตอบแทน และเงื่อนไขต่างๆ ของสินทรัพย์การลงทุนให้ชัดเจน ก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อป้องกันการขาดทุนจากความไม่เข้าใจ

 

การละเลยการเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน

จากวิกฤติโควิด-19 ทำให้เห็นชัดว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หลายคนตกงานกะทันหันแต่กลับไม่มีเงินสำรองพอที่จะประคองชีวิตได้แม้แต่ 1 เดือน สะท้อนว่าเงินสำรองฉุกเฉินไม่ใช่แค่เงินเก็บธรรมดา แต่เป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงทางการเงินขั้นพื้นฐานที่สุด

วิธีแก้ไข

  • มีเงินสำรองอย่างน้อย 6 – 12 เดือนของค่าใช้จ่ายประจำรายเดือน เช่น มีรายได้ต่อเดือน 50,000 บาท มีค่าใช้จ่ายรายเดือน 20,000 บาท ควรมีเงินสำรองฉุกเฉิน 120,000 – 240,000 บาท
  • แยกบัญชีเงินสำรองออกจากบัญชีใช้จ่ายประจำวัน เปิดบัญชีแยกสำหรับเงินสำรองโดยเฉพาะ และควรเก็บไว้ในที่ที่มีสภาพคล่องสูง เบิกถอนได้ทันที เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจำ กองทุนรวมตลาดเงิน
  • ตั้งระบบออมเงินอัตโนมัติ ตั้งคำสั่งให้หักเงินเข้าบัญชีเงินสำรองทันทีที่เงินเดือนเข้า โดยกำหนดจำนวนที่แน่นอนทุกเดือน เพื่อสร้างวินัยการออมและไม่พลาดการเก็บออม

 

การจัดการหนี้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ

เป็นปัญหาที่พบบ่อย โดยเฉพาะการมีหนี้หลายประเภทพร้อมกัน เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้นอกระบบ ซึ่งมักเกิดจากการขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี การใช้จ่ายเกินตัว และการไม่เข้าใจภาระดอกเบี้ยที่แท้จริง เช่น บางคนจ่ายแค่ยอดขั้นต่ำของบัตรเครดิต ทำให้ต้องแบกรับดอกเบี้ยสูงถึง 16% ต่อปี หรือการก่อหนี้ใหม่เพื่อปิดหนี้เก่า จนเกิดเป็นวงจรหนี้ที่ยากจะหลุดพ้น

วิธีแก้ไข

  • กำจัดหนี้ก้อนเล็กที่สุดก่อน เพื่อสร้างกำลังใจ แล้วนำเงินที่เหลือไปจ่ายหนี้ก้อนถัดไป หรือกำจัดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดก่อน เพื่อประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว
  • รวมหนี้ นำหนี้หลายก้อนมารวมกันเป็นก้อนเดียว จากนั้นขอสินเชื่อใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้เก่า แล้วนำเงินที่ได้จากการกู้สินเชื่อใหม่ไปชำระหนี้เก่าทั้งหมด
  • ตั้งงบประมาณและติดตามค่าใช้จ่าย จัดทำงบประมาณรายรับ - รายจ่ายประจำเดือน บันทึกค่าใช้จ่ายทุกรายการ และตรวจสอบความคืบหน้าในการจ่ายหนี้อย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการก่อหนี้เพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งจำเป็น งดใช้บัตรเครดิตหากไม่จำเป็น และหลีกเลี่ยงการผ่อนสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

 

การขาดการวางแผนภาษี

ภาษี คือ การลงทุนเพื่อสังคม แต่การจ่ายภาษีเกินความจำเป็น คือ การขาดทุนโดยใช่เหตุ หลายคนมองข้ามการวางแผนภาษี ทั้งที่มีเครื่องมือลดหย่อนภาษีมากมาย เช่น กองทุน SSF, RMF, Thai ESG หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ

วิธีแก้ไข

  • วางแผนลดหย่อนภาษีตั้งแต่ต้นปี จัดทำแผนการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีทั้งปี โดยคำนวณเงินได้ที่คาดว่าจะได้รับ แล้ววางแผนการลงทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อย่างเหมาะสม
  • ศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐให้การสนับสนุน ติดตามข่าวสารและทำความเข้าใจมาตรการภาษีใหม่ ๆ ที่รัฐประกาศใช้ เช่น การลดหย่อนค่าท่องเที่ยว การซื้อสินค้า OTOP หรือการบริจาคเพื่อการศึกษา
  • จัดพอร์ตลงทุนให้เกิดประโยชน์ทางภาษีสูงสุด เลือกลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น กองทุน SSF, RMF, Thai ESG หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยพิจารณาเงื่อนไขการลงทุนให้เหมาะกับตัวเอง

 

การละเลยการวางแผนเกษียณ

เป็นปัญหาสำคัญที่มักมองข้าม หลายคนคิดว่ายังมีเวลาอีกนาน จึงเลื่อนการเริ่มออมและลงทุนเพื่อวัยเกษียณออกไปเรื่อย ๆ บางคนพึ่งพาเพียงเงินบำเหน็จบำนาญจากระบบประกันสังคม หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นและค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นตามอายุ ทำให้เสี่ยงต่อการมีชีวิตที่ลำบากในวัยเกษียณ

วิธีแก้ไข

  • คำนวณเป้าหมายเงินเกษียณ ประเมินค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหลังเกษียณ เช่น ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล คูณด้วยจำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ และปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ
  • เริ่มลงทุนเพื่อเกษียณตั้งแต่เริ่มทำงาน เริ่มออมและลงทุนเพื่อเกษียณให้เร็ว ก็ยิ่งมีเวลาให้เงินทำงานหรือเพิ่มผลตอบแทนได้มากขึ้น
  • กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท จัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น กองทุนรวม พันธบัตร ทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี
  • ทบทวนและปรับแผนเกษียณทุกปี ตรวจสอบและปรับแผนการออมและการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เช่น การเพิ่มขึ้นของรายได้ การเปลี่ยนแปลงของตลาด หรือเป้าหมายชีวิต

 

การขาดความหลากหลายในการลงทุน

“อย่าเอาไข่ทุกใบใส่ในตะกร้าใบเดียว” หลักการนี้ยังคงใช้ได้ดีเสมอ แต่น่าแปลกที่หลายคนยังคงลงทุนแบบ “ทุ่มสุด หรือ ไม่ทุ่มเลย” เช่น ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง 100% เพราะเห็นว่าให้ผลตอบแทนสูง โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจสูญเสียเงินทั้งหมด หรือฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ 90% เพราะกังวลว่าเงินต้นจะสูญหาย ซึ่งแลกมาด้วยผลตอบแทนที่อยู่ในระดับต่ำ

วิธีแก้ไข

  • สร้างพอร์ตลงทุนตามหลัก Modern Portfolio Theory (MPT) จัดสรรการลงทุนโดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้หลักการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม
  • กระจายการลงทุนทั้งในแง่ประเภทสินทรัพย์ ภูมิภาค และอุตสาหกรรม แบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ พันธบัตร ทองคำ และกระจายในหลายภูมิภาคและอุตสาหกรรม เพื่อลดความเสี่ยง
  • ปรับสัดส่วนการลงทุนสม่ำเสมอ ตรวจสอบและปรับสัดส่วนการลงทุน (เช่น ทุก 6 - 12 เดือน) ให้กลับมาอยู่ในระดับที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก เพื่อควบคุมความเสี่ยงและรักษาสมดุลของพอร์ต
  • ไม่ลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าใจ ศึกษาและทำความเข้าใจสินทรัพย์ลงทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน หลีกเลี่ยงการลงทุนตามกระแสหรือคำแนะนำที่ไม่น่าเชื่อถือ

 

การไม่ปรับแผนการเงินตามการเปลี่ยนแปลงของชีวิต

ชีวิต คือ การเปลี่ยนแปลง แผนการเงินก็เช่นกัน โดยการไม่ปรับแผนการเงินตามการเปลี่ยนแปลงของชีวิต เป็นความเสี่ยงทางการเงินที่หลายคนมองข้าม เหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น การแต่งงาน การมีบุตร การเปลี่ยนงาน การซื้อบ้าน หรือการเจ็บป่วย ล้วนส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน การยึดติดกับแผนการเงินเดิมโดยไม่ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาจทำให้เป้าหมายทางการเงินคลาดเคลื่อน เกิดภาระหนี้สิน หรือมีเงินไม่เพียงพอสำหรับความต้องการที่เปลี่ยนไป

วิธีแก้ไข

  • ทบทวนแผนการเงินอย่างน้อยปีละครั้ง กำหนดช่วงเวลาชัดเจนในการทบทวนแผนการเงิน โดยประเมินสถานะการเงินปัจจุบัน ความคืบหน้าของเป้าหมาย และปรับแผนเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เช่น แต่งงาน มีบุตร หรือเปลี่ยนงาน
  • สร้างความยืดหยุ่นในแผนการเงิน จัดสรรงบประมาณให้มีความยืดหยุ่น เช่น กันเงินสำรองไว้ 10 – 20% ของรายได้ เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นหรือโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ
  • ปรับเป้าหมายและกลยุทธ์การลงทุน ทบทวนและปรับเป้าหมายการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ปรับสัดส่วนการลงทุนเมื่ออายุมากขึ้น หรือเพิ่มวงเงินประกันเมื่อมีภาระครอบครัว
  • เตรียมแผนสำรอง วางแผนรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การสูญเสียรายได้ การเจ็บป่วย โดยทำประกันที่เหมาะสมและมีเงินสำรองฉุกเฉินที่เพียงพอ

 

การเอาชนะกับดักทางการเงินทั้ง 8 ประการ อาจดูเป็นเรื่องท้าทาย แต่ด้วยความมุ่งมั่น วินัย และการวางแผนที่ดี ทุกคนสามารถก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ได้ การเริ่มต้นวันนี้ แม้จะเป็นก้าวเล็ก ๆ ก็มีค่ามากกว่าการไม่เริ่มต้นเลย แน่นอนความมั่งคั่งไม่ได้วัดจากจำนวนเงินที่หามาได้ แต่อยู่ที่ความสามารถในการบริหารจัดการเงินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินที่ยั่งยืนในอนาคต

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th