บทความ: บริหารจัดการเงิน
เพาะกล้าความมั่งคั่ง: บ่มเพาะทักษะการเงินในเด็ก 3 - 5 ขวบ
หลายคนอาจคิดว่าการคุยเรื่องเงินกับลูกในวัยเด็กอาจเสียเวลา เพราะยังไม่ใช่จังหวะที่จะคุยเรื่องยาก ๆ แบบนี้ แต่ความจริงแล้ววัยเด็กจะซึมซับเรื่องเงินเร็วกว่าที่คิด เพราะได้เห็นโฆษณาในทีวี สื่อออนไลน์ ได้ยินเพื่อน ๆ คุยเรื่องไปเที่ยว ของเล่นใหม่ ๆ ซึ่งสามารถหล่อหลอมรสนิยมของเด็ก ๆ ได้ และส่งผลต่อมุมมองเรื่องเงินในอนาคตด้วย
ดังนั้น เด็ก ๆ จึงต้องการผู้ใหญ่ที่คอยสอน คอยช่วยกรองข้อมูลเรื่องเงิน และที่ปรึกษาการเงินคนแรก ๆ ที่ต้องคอยสอนเด็ก ๆ คือ คุณพ่อ คุณแม่ หมายความว่า ผู้ปกครองควรเปิดอกคุยเรื่องเงิน ทั้งการหาเงิน จัดการเงิน และเก็บออม และถ้าได้ลองจับเงินจริง ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ จะเป็นการเตรียมให้จัดการการเงินเองในอนาคตที่ดีได้
การให้ความรู้เด็กวัย 3 – 5 ขวบ ถือเป็นระดับที่ยังพัฒนาทักษะพื้นฐานอยู่ ควรสอนด้วยภาษาง่าย ๆ สั้น ๆ แต่บ่อย ๆ แทรกเข้าไปในเวลาเล่น กิจวัตรประจำวัน หรือกิจกรรมที่ได้ลงมือทำจริง ๆ เช่น ช่วยนับเงินทอน เรียนรู้ค่าของเงินแต่ละชนิด ลองเล่นขายของหรือร้านอาหารจำลองกับลูกเพื่อจะได้เห็นขั้นตอนการจ่ายเงินซื้อของ
นอกจากนี้ เวลาออกไปห้างสรรพสินค้า ผู้ปกครองก็แทรกการอธิบายถึงการใช้เงิน เช่น ให้อ่านยอดเงินตอนจ่ายเงิน ช่วยจ่ายเงินให้แคชเชียร์ นับเงินทอน กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจหลักการแลกเปลี่ยนเงินกับสินค้าและบริการ ได้เรียนรู้คำศัพท์ และเมื่อเด็ก เข้าใจพื้นฐานแล้ว ก็สอนให้เด็กรู้จักใช้เงินอย่างตั้งใจ และปลูกฝังนิสัยการออมตั้งแต่เด็ก
การเล่นเกมและกิจกรรมสมมติเพื่อแนะนำแนวคิดเรื่องเงิน
เด็ก ๆ ชอบเล่น ดังนั้น การเล่นก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ คุณพ่อ คุณแม่ก็ลองใช้เกมและกิจกรรมสนุก ๆ เพื่อสอนเรื่องเงิน เช่น เล่นร้านค้าจำลอง ใช้ของเล่นหรือสิ่งของในบ้านมาเป็นสินค้า แล้วใช้กระดาษหรือเหรียญของเล่นเป็นเงิน ให้ลูกสวมบทบาทเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย สอนเรื่องการแลกเปลี่ยนสินค้ากับเงิน
อีกทั้ง กิจกรรมประดิษฐ์กระปุกออมสิน ด้วยการใช้กระป๋องหรือขวดพลาสติกมาตกแต่งด้วยกัน แล้วชวนลูกคิดว่าต้องการเก็บเงินไว้ซื้ออะไร ช่วยกันวาดรูปสิ่งนั้นติดไว้บนกระปุก เป็นการสร้างแรงจูงใจในการออมไปในตัว หรือการเล่นสมมติเป็นธนาคาร โดยให้ลูกเป็นพนักงานธนาคาร สอนเรื่องการฝากถอนเงิน ใช้สมุดบัญชีจำลองบันทึกรายการ
อย่าลืมว่าการเรียนรู้ต้องสนุก อย่าจริงจังเกินไป ถ้าลูกเบื่อหรือไม่สนใจก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก่อน แล้วค่อยกลับมาลองใหม่ วันหลัง ที่สำคัญ คือ การสร้างทัศนคติที่ดีต่อเรื่องเงิน ไม่ใช่การท่องจำความรู้
รู้จักเหรียญและธนบัตร วิธีสอนให้เด็กแยกแยะและเข้าใจค่าของเงิน
เด็ก ๆ อาจสับสนเรื่องเหรียญและธนบัตรต่าง ๆ เด็กอาจคิดว่าเหรียญมีค่ามากกว่าธนบัตร ดังนั้น ควรเริ่มจากการสอนให้รู้จักเหรียญก่อน ให้ลูกสัมผัสและสังเกตความแตกต่าง ทั้งขนาด สี น้ำหนัก ลวดลาย เล่นเกมจับคู่เหรียญที่เหมือนกัน หรือเรียงลำดับจากเล็กไปใหญ่ ส่วนธนบัตร ลองให้ลูกดูสีและตัวเลขบนธนบัตร ชี้ให้เห็นภาพบุคคลสำคัญ เล่าเรื่องราวสั้น ๆ เกี่ยวกับบุคคลนั้น จะช่วยให้จำได้ดีขึ้น
ถึงแม้ว่าการเปรียบเทียบค่าของเงินเป็นเรื่องยาก แต่สามารถทำให้เป็นรูปธรรมได้ โดยอาจใช้ขนมที่ลูกชอบเป็นตัวอย่าง เช่น ลูกซื้อขนมได้ 1 กล่องด้วยเหรียญ 10 บาท แต่ถ้ามีธนบัตร 20 บาท ลูกซื้อได้ 2 กล่องเลย
นอกจากนี้ ลองทำแผนภาพง่าย ๆ แสดงค่าของเงิน วาดวงกลมเล็ก ๆ แทนเหรียญบาท แล้วให้ลูกนับว่าต้องใช้กี่วงจึงจะเท่ากับธนบัตรใบหนึ่ง เป็นการฝึกคณิตศาสตร์ไปในตัว และอย่าลืมสอนเรื่องการดูแลรักษาเงินด้วย ไม่ขยำหรือฉีกธนบัตร ไม่นำเหรียญเข้าปาก และเก็บให้ดีไม่ให้หาย ที่สำคัญ อย่ารีบร้อน ใช้โอกาสในชีวิตประจำวันค่อย ๆ สอน เช่น ช่วงจ่ายเงินซื้อของ ให้ลูกช่วยนับเงินและรับเงินทอน เป็นการฝึกปฏิบัติจริง
กระปุก 3 ใบ ปลูกฝังแนวคิด "ใช้จ่าย ออม ให้" ตั้งแต่วัยอนุบาล
วิธีที่จะสอนการจัดการเงินให้เด็ก ๆ คือ ระบบกระปุก 3 ใบ แบ่งเป็น “ใช้จ่าย ออม และให้” เริ่มจากหากระปุกหรือกล่องสามใบ ให้ลูกช่วยตกแต่งให้สวยงาม ติดป้ายชื่อแต่ละใบ อธิบายความหมายของแต่ละกระปุกอย่างง่าย ๆ
ใช้จ่าย คือ เงินที่ใช้ซื้อของที่ต้องการ เช่น ขนม ของเล่น
ออม คือ เงินที่เก็บไว้ใช้ในอนาคต สำหรับของที่แพงกว่าหรือสำคัญกว่า
ให้ คือ เงินที่แบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ
ทุกครั้งที่ลูกได้เงิน ไม่ว่าจะจากค่าขนม ของขวัญ หรือรางวัล ให้แบ่งใส่กระปุกทั้งสามใบ อาจใช้อัตราส่วนง่าย ๆ เช่น 60:30:10
60% ใส่กระปุกใช้จ่าย
30% ใส่กระปุกออม
10% ใส่กระปุกให้
ระบบนี้สอนให้เด็กรู้จักวางแผนการใช้เงิน รู้จักรอคอย และมีน้ำใจ เป็นพื้นฐานสำคัญของการจัดการการเงินที่ดีในอนาคต
พาช้อป พาจ่าย การใช้กิจวัตรประจำวันสอนเรื่องการแลกเปลี่ยนและมูลค่า
ชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยโอกาสในการสอนเรื่องเงิน โดยเฉพาะช่วงพาลูกไปซื้อของ โดยก่อนออกไปซื้อของ ลองทำรายการ สิ่งของที่ซื้อด้วยกัน สอนให้ลูกรู้จักวางแผนและจัดลำดับความสำคัญ ระหว่างเดินซื้อของ ชี้ให้ลูกดูป้ายราคา อธิบายว่าทำไมของชิ้นนี้แพงกว่าอีกชิ้น เช่น ไอศกรีมถ้วยนี้แพงกว่าไอศกรีมแท่ง เพราะมีผลไม้ผสมด้วย รวมถึงให้ลูกช่วยเปรียบเทียบราคาสินค้าคล้าย ๆ กันด้วย
เมื่อถึงช่วงจ่ายเงิน ให้ลูกช่วยนับเงินและรับเงินทอน เป็นการฝึกทักษะคณิตศาสตร์ไปในตัว อธิบายว่าทำไมต้องรอเงินทอน และตรวจสอบว่าได้รับถูกต้องไหม และหลังกลับบ้าน ลองทบทวนว่าซื้ออะไรมาบ้าง ใช้เงินไปเท่าไร เหลือเท่าไร เป็นการฝึก การทำบัญชีอย่างง่าย
บางครั้งพาลูกไปตลาดนัดหรือตลาดสด ให้เห็นวิธีการต่อรองราคา และความแตกต่างของราคาสินค้าในตลาดกับในห้างสรรพสินค้า และสอนให้ลูกรู้จักเปรียบเทียบคุณค่ากับราคา เช่น ทำไมถึงยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อรองเท้าคู่นี้ เพราะ ใส่สบายและใช้ได้นาน ที่สำคัญ อย่าลืมสอนเรื่องการควบคุมตัวเอง ไม่ซื้อของตามใจตัวเองทุกอย่าง รู้จักแยกแยะระหว่าง “อยากได้” กับ “จำเป็นต้องมี”
ดังนั้น การพาลูกไปช้อปปิ้งด้วยเป็นโอกาสดีที่จะสอนทักษะการเงินในชีวิตจริง ทำให้เด็ก ๆ เข้าใจเรื่องการแลกเปลี่ยนและมูลค่าได้ดีขึ้น
นิทานสอนใจ ใช้หนังสือและเรื่องเล่าเพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต่อการจัดการเงิน
เด็ก ๆ ชอบฟังนิทาน และนิทานก็เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสอนบทเรียนสำคัญ รวมถึงเรื่องการเงินด้วย เริ่มจากหานิทานที่ใช้เป็นบทเรียนที่ดีเกี่ยวกับการวางแผนและการออม ชวนลูกอ่านและคิดตามว่าจะเตรียมตัวอย่างไรสำหรับอนาคต หรือนิทานเรื่องห่านไข่ทองคำ สอนเรื่องความโลภและการรู้จักพอ ชวนลูกคิดว่าถ้ามีเงินมาก ๆ จะใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์
การอ่านนิทานไม่ใช่แค่อ่านจบแล้วจบกัน ให้ชวนลูกคุยต่อ ถามความคิดเห็น เช่น “ถ้าลูกเป็นตัวละครในเรื่อง ลูกจะทำแบบนั้นหรือไม่” “ลูกคิดว่าตัวละครควรทำอย่างไรดี” เป็นการฝึกคิดวิเคราะห์และประยุกต์ใช้บทเรียนในชีวิตจริง
อีกทั้ง ลองแต่งนิทานง่าย ๆ เกี่ยวกับการเงินด้วยกัน โดยใช้ตัวละครที่ลูกชอบหรือสมมติว่าลูกเป็นตัวเอกในเรื่อง จะช่วยให้เข้าใจและจดจำบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้ง อย่าลืมว่านิทานไม่จำเป็นต้องสอนแต่เรื่องการประหยัดอย่างเดียว การใช้เงินเพื่อความสุขหรือช่วยเหลือผู้อื่นก็เป็นบทเรียนที่สำคัญ จึงควรหานิทานที่สอนเรื่องการให้และความเอื้อเฟื้อมาสอนร่วมด้วย
การใช้นิทานสอนเรื่องเงินช่วยให้เด็ก ๆ เข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนผ่านเรื่องราวที่สนุกและน่าสนใจ ช่วยสร้างทัศนคติที่ดีต่อการ จัดการเงินตั้งแต่เยาว์วัย ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคต
การสอนเรื่องเงินให้เด็กเล็กอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยวิธีการที่สนุกและเหมาะสมกับวัย สามารถปูพื้นฐานที่ดีให้กับลูกได้ตั้งแต่เยาว์วัย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมสมมติ การรู้จักเหรียญและธนบัตร การใช้ระบบกระปุก 3 ใบ การพาไปช้อปปิ้ง หรือการเล่านิทาน ล้วนเป็นโอกาสดีในการสอนแนวคิดเรื่องการเงิน
สิ่งสำคัญ คือ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวันเป็นโอกาสในการสอน และที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการเงิน เพราะเด็ก ๆ มักจะเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อ คุณแม่
อย่าลืมว่าเป้าหมายไม่ใช่แค่ให้ลูกรู้จักประหยัด แต่เพื่อให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเงิน รู้จักใช้เงินอย่างฉลาด มีความรับผิดชอบ และรู้จักแบ่งปัน ทักษะเหล่านี้จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต และช่วยให้ประสบความสำเร็จทางการเงินในอนาคต
การสอนเรื่องเงินให้ลูกตั้งแต่เล็กอาจต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะคุณพ่อ คุณแม่กำลังมอบของขวัญล้ำค่าที่จะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต นั่นคือ ทักษะทางการเงินที่ดี