logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: บริหารจัดการเงิน

ไม่งง ไม่งวย! ใช้เงินแบบ 50 – 30 – 20 ง่ายกว่าที่คิด ชีวิตดี มีเงินเก็บ

เผยแพร่วันที่ 28/06/2024

 

มีคำกล่าวเอาไว้ว่า เวลาคนเราจะใช้จ่าย ไม่ต้องมีเหตุผลมารองรับ แค่เดินผ่านข้าวของก็สามารถซื้อได้ตลอดเวลา เอาเป็นว่าทุกคนมีโอกาส “เสียเงิน” ได้ตลอดเวลา เพราะเท่าที่สังเกตเวลาเห็นคนดูมือถือ อย่างแรก ๆ ที่กดเข้าไปดู คือ ช้อปปิ้งออนไลน์ เมื่อดูไปดูมา สุดท้ายโดนจนได้ หรือบางคนชอบไปใช้เวลาว่างกับเพื่อน ๆ ทุกเย็นวันศุกร์ โดยไม่มีเป้าหมายอะไรพิเศษ ขอแค่นั่งแฮงเอาต์ก็พอ

การใช้ชีวิตด้วยการรอเงินเดือนออก กิน ช้อป เที่ยว มักจะละเลยเรื่องการเก็บออม สังเกตได้ว่าเงินจะหมดลงอย่างรวดเร็ว หรืออาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือ และเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่สามของเดือนก็จะต้องไปขอหยิบยืมจากคนรอบข้างหรือดำรงชีวิตด้วยการรูดบัตรเครดิต และนั่งรอเงินเดือนก้อนใหม่

หากกำลังใช้ชีวิตแบบนี้และต้องการหาทางออกเพื่อให้มีเงินใช้จ่ายตลอดทั้งเดือน ที่สำคัญมีเงินเหลือเก็บทุกเดือน เริ่มต้นด้วยการใช้สูตรการใช้เงินอย่างง่าย 50 – 30 – 20 เป็นการจัดสรรเงินในแต่ละเดือนอย่างสมเหตุสมผลและสามารถปรับใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไรก็ตาม

สูตรการใช้เงิน 50 - 30 - 20 เป็นการแบ่งสัดส่วนรายได้ตามที่วางแผนเอาไว้เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งรายได้ที่นำมาคิดจะต้องเป็นรายได้สุทธิหลังหักภาษี เงินสมทบเข้าในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ถ้าเป็นข้าราชการก็เป็นเงินที่หลังหักเข้าสู่ กบข.) และหักเข้ากองทุนประกันสังคม จากนั้นจึงนำมาจัดแบ่งเป็น 3 ก้อน

ตัวอย่าง การแบ่งเงินตามสูตร 50 - 30 – 20 โดยสมมติว่ามีรายได้สุทธิ 30,000 บาท

50% คือ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น = 15,000 บาท

เงินก้อนนี้จะนำมาใช้จ่ายเพื่อความจำเป็น (Needs) ต่อการดำรงชีวิต เป็นค่าใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือน เช่น ค่ากิน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าดูแลสุขภาพ จ่ายหนี้บัตรเครดิต รวมถึงโอนเงินให้พ่อแม่ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจต้องแน่ใจว่าจ่ายเพื่อความจำเป็นจริง ๆ

30% คือ ค่าใช้จ่ายตามความต้องการ = 9,000 บาท

เป็นเงินใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัวหรือสิ่งที่ต้องการ (Wants) เช่น กินข้าวนอกบ้าน ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว สมาชิกบริการสตรีมมิ่ง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เงินก้อนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขแต่ควรตัดสินใจให้รอบคอบว่าควรจ่ายจริง ๆ หรือไม่ เช่น เดือนที่ผ่านมาซื้อชุดกีฬา 1 ชุด รองเท้ากีฬา 1 คู่ ดังนั้น เดือนนี้ก็ไม่ควรซื้ออีก หรืออาจพบปะเพื่อนฝูงนัดกินข้าวนอกบ้านเดือนเว้นเดือนก็ได้ ซึ่งเงื่อนไขสำคัญของเงินก้อนนี้ คือ ใช้จ่ายในงบประมาณ และเดือนไหนเหลือก็นำไปเก็บออม

20% คือ เก็บออมและลงทุน = 6,000 บาท

เงินก้อนนี้ คือ เงินเก็บออมและลงทุน โดยให้แบ่งออกเป็นส่วน ๆ ตามความเหมาะสมของตัวเอง ก้อนแรกให้นำไปเก็บออมเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน ก้อนถัดมาเก็บออมเพื่อเป้าหมายอื่น ๆ เช่น ดาวน์บ้าน ซื้อรถ จ่ายค่าเทอมลูก จ่ายเบี้ยประกัน ก้อนสุดท้ายนำไปลงทุนเพื่อเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณ

สำหรับประโยชน์ที่ได้จากการใช้สูตรการใช้เงิน 50 - 30 – 20 จะช่วยให้มีความรับผิดชอบต่อการใช้จ่ายของตัวเอง เพราะจะรู้ว่าเงินที่จ่ายออกไปเพราะ “ความจำเป็น” หรือ “ความต้องการ” ซึ่งจะทำให้มีมุมมองการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงเห็นข้อผิดพลาดการใช้เงิน จากนั้นก็นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น

ประโยชน์การใช้เงิน 50 - 30 – 20

  • ใช้งานง่าย กฎ 50/30/20 เป็นการแบ่งเงินตรงไปตรงมา ทำให้เข้าใจและนำไปใช้ได้ง่าย โดยสามารถแบ่งรายได้ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องคำนวณซับซ้อน ทุกคนลงมือทำได้ทันที
  • การจัดการเงินที่ดีขึ้น สามารถจัดการเงินได้อย่างเหมาะสมกับตัวเอง จึงมั่นใจได้ว่าค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมีเพียงพอ มีเงินไว้ใช้จ่ายตามอำเภอใจ และมีเงินเหลือในแต่ละเดือนแล้วเก็บออมเพื่ออนาคต
  • จัดลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่ายที่สำคัญ สามารถมั่นใจได้ว่าจะมีเงินใช้จ่ายบนพื้นฐานการดำรงชีวิต เพราะเงินครึ่งหนึ่ง (50%) แบ่งไปใช้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็น และหากมีวินัยในการใช้เงินก็ทำให้มีหนี้ในระดับที่เหมาะสม
  • ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว การแบ่งรายได้ 20% ไปเก็บออมและลงทุนในแต่ละเดือน หากทำแบบนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้การเงินมีความมั่นคงในระยะยาว และเมื่อถึงวันนั้นก็สามารถวางแผนการใช้เงินได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้

สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการแบ่งเงิน 50 – 30 – 20 ก็สามารถเริ่มต้นด้วยการจดบันทึกรายรับ รายจ่าย เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองให้ดีขึ้น จากนั้นก็วิเคราะห์เพื่อดูว่าการใช้จ่ายเป็นไปตามการแบ่ง 50 – 30 – 20 ได้ดีแค่ไหน ซึ่งอาจใช้เวลา 1 – 2 เดือนกับการติดตามค่าใช้จ่าย และเมื่อทุกอย่างลงตัวก็จะพบว่าในแต่ละเดือนมีรายรับเท่าไร เงินออมมากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญรู้ว่าเงินที่หามาได้หมดไปกับการใช้จ่ายอะไรบ้าง

อย่างไรก็ตาม การแบ่งเงินด้วยสูตร 50 – 30 – 20 อาจไม่เหมาะสำหรับบางคน จึงควรเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับตัวเองเพื่อช่วยให้แผนการควบคุมค่าใช้จ่ายดียิ่งขึ้น พูดง่าย ๆ ปรับสูตรได้ตามความเหมาะสมของรายได้ ค่าใช้จ่าย ภาระหนี้สิน อายุ หรือเป้าหมายการเงิน เช่น หากมีภาระหนี้สินค่อนข้างสูงก็ใช้สูตร 60 – 20 – 20 ส่วนผู้ที่มีเป้าหมายการเงินระยะยาวก็ใช้สูตร 50 – 20 – 30  หรือผู้ที่อายุมาก (เช่น 55 ปี) ใช้สูตร 45 – 30 – 25

สำหรับผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากกับดักกับเงินหมดก่อนสิ้นเดือนหรือการใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ลองเริ่มต้นการแบ่งเงินตามสูตร 50 – 30 – 20 ช่วยให้วางแผนการใช้จ่ายเงินได้อย่างเหมาะสม ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป มีเงินเหลือพอใช้จ่ายในแต่ละเดือน และเหลือเก็บออม ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th