บทความ: ลงทุน
สไตล์ไหน...ปัง! ลงทุนให้ตรงสไตล์ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน
โดย พิชญา ซุ่นทรัพย์ นักวางแผนการเงิน CFP®
เผยแพร่วันที่ 18/06/2024
การเลือกสไตล์การลงทุนเป็นมีความสำคัญอย่างต่อการลงทุน เนื่องจากแต่ละสไตล์มีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องผลตอบแทนและความเสี่ยง ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจแต่ละสไตล์การลงทุนและตัดสินใจเลือกสไตล์ให้เหมาะสมกับตนเอง
ทำความเข้าใจสไตล์การลงทุนแต่ละประเภท
- การลงทุนแบบเชิงรุก (Active) vs. การลงทุนแบบเชิงรับ (Passive) การลงทุนแบบเชิงรุกจะเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกหลักทรัพย์และจับจังหวะตลาดเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าผลตอบแทนปกติ ในขณะที่การลงทุนแบบเชิงรับเน้นกระจายการลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนและความเสี่ยงใกล้เคียงกับดัชนีที่ต้องการ
- หุ้นเติบโต (Growth) vs. หุ้นคุณค่า (Value) หุ้นเติบโตในที่นี้ คือ หุ้นที่มีการเติบโตของกำไรในอัตราที่สูง เช่น หุ้นในกลุ่มผู้พัฒนานวัตกรรม เป็นต้น ส่วนหุ้นคุณค่า คือ หุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น หรือมีราคาถูก
- หุ้นปันผล (Dividend) เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญจะต้องมีโอกาสที่มูลค่าของกิจการจะเพิ่มขึ้นหรือมีการเติบโตของเงินปันผลด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหุ้นปันผลมักจะมีความผันผวนของราคาน้อยกว่าหุ้นอื่น ๆ
เข้าใจเป้าหมายการลงทุนและความชอบของตนเอง
พิจารณาความสำคัญของเป้าหมาย และระยะเวลาการลงทุนว่าสั้นหรือยาว รู้ความเสี่ยงหรือผลขาดทุนที่ตนเองรับได้ รวมไปถึงข้อจำกัดการลงทุน อย่างเรื่องของ สภาพคล่อง ภาษี เงื่อนไขการลงทุนส่วนบุคคล เป็นต้น
พิจารณาเลือกสไตล์การลงทุนที่ใช่
- เลือกการลงทุนแบบเชิงรุก หากคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และเชื่อว่าตนเองหรือผู้จัดการกองทุน มีข้อมูลที่มากกว่า มีเวลาในการติดตาม มีความสามารถในการวิเคราะห์ ตัดสินใจเลือก และจับจังหวะได้ดีกว่านักลงทุนคนอื่น ๆ แต่ต้องไม่ลืมว่าการ Active มักมาพร้อมกับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย
- เลือกการลงทุนเชิงรับ หากให้ความสำคัญกับเรื่องของค่าใช้จ่าย และคาดหวังผลตอบแทนใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของดัชนี ซึ่งจากสถิติพบว่าในระยะยาวแล้วกองทุนที่มีนโยบายลงทุนแบบเชิงรับมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่านโยบายลงทุนแบบเชิงรุก
- เลือกหุ้นเติบโต สำหรับผู้ชื่นชอบลงทุนในกิจการที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีอัตรากำไรและผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูง คาดหวังว่าราคาของหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทนรับความผันผวนของราคาได้ เนื่องจากหุ้นเติบโตมักจ่ายปันผลน้อยหรือไม่จ่ายเพื่อนำเงินไปขยายกิจการ ซึ่งหากการลงทุนนั้นผิดพลาดอาจส่งผลต่อราคาอย่างรุนแรงได้ ดังนั้นควรมีการติดตามข่าวสารของกิจการอย่างใกล้ชิดด้วย
- เลือกหุ้นคุณค่า หากมีความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่จะลงทุน มีระยะเวลาลงทุนค่อนข้างยาวสามารถอดทนรอการเติบโตของกิจการได้ แต่การเลือกลงทุนสไตล์นี้ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์และมองเห็นภาพในอนาคตของบริษัท ทำให้เห็นว่ามูลค่าที่แท้จริงสูงกว่าราคาในปัจจุบันจึงตัดสินใจเข้าลงทุน และรอคอยกระทั่งกิจการเติบโตตามที่วิเคราะห์ ซึ่งหากเป็นจริงราคาของหุ้นจะวิ่งเข้าหากมูลค่าที่ประเมินไว้
- เลือกหุ้นปันผล เหมาะสมกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับสร้างรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้จ่าย เช่น กลุ่มผู้เกษียณ เป็นต้น หรือถ้าเป็นผู้ที่ไม่ชอบความผันผวนมากนัก ราคาหุ้นปันผลมักจะมีเสถียรภาพมากกว่าเนื่องจากมีเงินปันผลรองรับ
เห็นได้ว่าการลงทุนแต่ละสไตล์เหมาะกับนักลงทุนที่แตกต่างกันไป ผู้ลงทุนควรพิจารณาแผนการลงทุนและข้อจำกัดของตนเอง เพื่อเลือกสไตล์การลงทุนที่เหมาะสม แต่ต้องไม่ลืมว่าไม่มีสไตล์การลงทุนใดที่ดีที่สุด การผสมสไตล์การลงทุนให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุนหรือเหมาะสมกับสถานการณ์จะช่วยให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่คาดหวังมากขึ้นได้ ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรติดตามทบทวนการลงทุนของตนเองอย่างสม่ำเสมอด้วย