บทความ: ประกันภัย
เสีย(เบี้ย)น้อย เสียยาก เสีย(ค่าซ่อม)มาก เสียง่าย
โดย ธนภัทร จินดาหลวง ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™
เผยแพร่วันที่ 05/05/2567
รถยนต์ คือ หนึ่งในปัจจัยสำคัญของทุกครอบครัว บางครอบครัวมีมากกว่าหนึ่งคัน บนท้องถนนจึงคลาคล่ำไปด้วยยานยนต์ ตั้งแต่รถใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งออกจากโชว์รูม ไปจนถึงรถที่ถูกใช้งานมานานหลายปี
สำหรับรถใหม่ป้ายแดง ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ มักจะมีโปรโมชั่น แถมฟรีประกันชั้น 1 จึงไม่น่ากังวลนัก เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ จะครอบคลุมภัยมากกว่า แต่รถยนต์ที่ใช้มานานกว่านั้น เจ้าของรถส่วนใหญ่ เริ่มลังเลในการต่อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ในปีถัดไป อาจจะเป็นเพราะว่าต่อประกันทุกปีไม่เคยชนไม่เคยเคลม หรือคิดว่าตนเองน่าจะขับรถระมัดระวังอยู่แล้ว หรือต้องการประเหยัดเงินเพื่อนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม การประกันภัย คือการวางแผนทางการเงินขั้นพื้นฐานที่ควรจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ รวมถึงการประกันรถยนต์
ปัจจุบัน หลายคนทำแค่ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ โดยเหตุผลที่ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ คือ มี พ.ร.บ อยู่แล้ว จึงไม่อยากเสียเงินทำประกันอีก
ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับจะคุ้มครองในส่วนของชีวิตและค่ารักษาพยาบาล ขณะที่ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ จะรวมถึงค่าซ่อมแซมรถที่เกิดความเสียหายและอื่น ๆ ซึ่งค่าซ่อมรถบางคัน มีตั้งแต่หลักหมื่นบาท หลักแสน ถึงหลักล้านบาทก็มี ดังที่ได้เคยเห็นข่าวตามสื่อต่าง ๆ กรณีชนแล้วหนี (เพราะรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิด และรู้ตัวว่าไม่มีประกัน และคงจะไม่สามารถรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นได้) หรือชนแล้วไม่หนีแต่อ้างว่าไม่มีประกัน ไม่สามารถรับผิดชอบค่าเสียหายได้ ยอมถูกดำเนินคดี เพราะไม่สามารถชดใช้ค่าเสียหายได้ ยิ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งค่าซ่อมค่อนข้างสูงดังนั้น หากไม่มีประกันภาคสมัครใจ ทุกครั้งที่ขับรถบนท้องถนน นั่นหมายถึง กำลังเผชิญภัยกับความเสี่ยงตลอดเวลา ดังนั้น ควรโอนความเสี่ยงเหล่านี้ไปให้บริษัทประกันภัยเพื่อรับความเสี่ยงแทน
สำหรับเจ้าของรถยนต์ที่กังวลใจเรื่องเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่ค่อนข้างสูง สามารถพิจารณาประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2 , ชั้น 3 หรือ ชั้น 5 ( 2+ , 3+ ) เป็นทางเลือกเพิ่มเติมได้ เพราะเบี้ยประกันที่ถูกลง แต่ความคุ้มครองหลายอย่างก็ลดลงเช่นกัน หรือหากคิดว่าไม่ได้ขับรถมากนัก (เน้นจอดมากกว่า) ก็เลือกแบบประกันที่เลือกเวลาขับขี่ คือ จ่ายเบี้ยประกันเฉพาะเวลาที่ขับ หากขับน้อยก็จ่ายเบี้ยประกันน้อย
การวางแผนประกันภัยรถยนต์ที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นการวางแผนทางการเงินอย่างหนึ่ง หากไม่มีประกันภัยภาคสมัครใจ เพราะกังวลเรื่องเบี้ยประกันและไม่อยากเสียเบี้ยประกันสูง อย่างน้อยก็ที่สุด ควรเลือกทำประกันภัยชั้น 3 ไว้ก่อน เพราะราคาไม่สูงมากนัก เช่น เบี้ยประกันภัยชั้น 3 รถยนต์นั่งเก๋ง เริ่มต้นปีละ 1,900 บาท รถยนต์กระบะ เริ่มต้นปีละ 2,700 บาท โดยความคุ้มครองความเสียหายรถคู่กรณี สูงถึง 800,000 บาท เป็นต้น
ตัวอย่าง ขับรถไปชนรถอีกคัน ปรากฏว่ามีค่าซ่อมประมาณ 300,000 บาท หรือขับรถไปชนกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยค่าซ่อมตัวรถและแบตเตอรี่ประมาณ 700,000 บาท หากทำประกันภาคสมัครใจ (ประกันภัยชั้น 3) ก็จะครอบคลุมค่าใช้จ่าย ตรงกันข้าม หากมีเพียงประกันรถยนต์ภาคบังคับก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าซ่อมรถ
ถึงแม้หลายคนอาจลังเลที่จะทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เพราะมองว่าเบี้ยประกันสูงและต้องการเก็บเงินเพื่อจับจ่ายใช้สอยอื่น ๆ หากเป็นเช่นนี้ผู้เขียนก็คงได้แต่ภาวนาว่าเจ้าของรถยนต์แต่ละคันที่ไม่มีประกัน อย่าได้โชคร้ายเผลอขับไปชนคันอื่น มิเช่นนั้น จะกลายเป็นว่า เสียน้อย.เสียยาก…..เสียมาก.เสียง่าย