โดย บวรวิทย์ คชรินทร์ ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™
วางแผนการซื้อประกันชีวิตไม่รอบคอบ = ภาระทั้งตัวเองและลูกหลานในอนาคต
“คุณลูกค้า...สนใจทำประกันชีวิตสักเล่มไหมครับ?”
หลายๆ คนคงเคยได้ยินคำถามแบบนี้มาบ้างแล้ว และส่วนใหญ่ก็รีบบอกปฏิเสธในทันทีเช่นเดียวกัน
เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกครับ เพราะผู้เขียนเองก็เคยปฏิเสธมาแล้วเหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า …
“ผมแข็งแรงดี และคงไม่รีบตายในเร็ววันนี้แน่นอน!!!”
ยอมรับและกล้าพูดแบบเต็มปากเลยครับ ว่าพูดออกไปแบบนั้นจริงๆ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว สมัยที่ผมเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ
ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบัน ผมเองก็ยังคงมีชีวิตอยู่ เหมือนกับที่เคยพูดเอาไว้ (ต้องขอบคุณตัวเองและโชคชะตา ที่วันนี้เรายังมีโอกาสได้เลือกทำในสิ่งต่างๆ ในชีวิตอยู่)
เพียงแต่ว่าความมั่นใจที่เคยพูดออกไปในวันนั้น กลับลดลงในทุกๆ วัน
ทำไมนะหรอครับ?
เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็มีบางครั้งที่ตัวผมเองต้องเจ็บป่วยเหมือนกัน ทั้งที่เป็นคนดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พร้อมกับบทเรียนจากเหตุการณ์บางช่วงที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัวเรา ทั้งการเจ็บป่วยหนัก บาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุ หรือแม้แต่การสูญเสียชีวิตของคนอันเป็นที่รักรอบๆ ตัว
สิ่งนี้เลยเริ่มกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความคิด “หรือว่า เราควรต้องมีประกันชีวิตเอาไว้สักเล่มนึง?” เพราะเรื่องแบบนี้มันอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิดจริงๆ ผมลองทบทวนเรื่องเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตอีกครั้ง เปลี่ยนจากการหาเหตุผลว่า จะทำประกันชีวิตไปทำไม กลายเป็น ถ้าไม่ทำแล้วจะส่งผลเสียอะไรกับตัวผมเองบ้าง?
คำตอบที่ผมได้ คือ .....
ที่ผ่านมาผมตั้งใจทำงาน หนักเบาได้หมด ขอแค่ให้หาเงินเข้าบ้านให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้มีเงินดูแลพ่อแม่ในยามที่ท่านแก่ชรา ดูแลครอบครัว ส่วนนึงก็เพื่อให้ตัวเองได้ทำตามความฝันสร้างทรัพย์สินต่างๆ ทั้งบ้าน รถ ที่ดิน เงินเก็บ เพื่อให้ชีวิตในช่วงเกษียณแบบสบายๆ และก็มั่นใจว่าตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจะทำมันได้
หลายคนสังเกตอะไรบางอย่างในข้อความนี้บ้างไหมครับ?
“ใช่ครับ ทุกอย่างนี้จะเกิดขึ้นถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ ... แล้วถ้าผมไม่อยู่หล่ะ?”
ประโยคคำถามสั้นๆ แค่นี้เลย ทุกอย่างในหัวผมเปลี่ยนไปทันที ที่ผ่านมาเคยแต่คิดวิธีว่าจะหาเงินยังไง แต่ลืมไปเลยว่าแล้วเราจะปกป้องเงินที่จะเกิดในอนาคตจากค่าตัวของเรานี้ได้อย่างไร เพื่อให้เรื่องที่ตั้งใจไว้ยังคงอยู่?พอคิดเรื่องนี้แล้ว ผมรีบโทรหาคนอยู่ 2 คนเลยครับ
คนแรก คือ พ่อกับแม่
บอกรัก และความคิดถึง (ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด เข้ามาทำงานในกรุงเทพตั้งแต่เรียนจบ)
คนที่สอง คือ พี่ที่ทำงานที่เป็นตัวแทน
ผมจะทำประกันแบบไหนได้บ้าง ใช้เงินเท่าไหร่ และเร็วที่สุดได้เมื่อไหร่?
เหตุผลเพียงแค่ถ้าผมจะลุยไปข้างหน้า ผมต้องสร้างความมั่นคงไว้ข้างหลังให้ดีเสียก่อน
ผมได้เรียนรู้ว่า ...
ประกันชีวิต คือ สินค้าพื้นฐานที่เราทุกคนควรมี แต่จะมีมากแค่ไหน อาจขึ้นอยู่กับขนาดของความฝัน เป้าหมาย และภาระของการรับผิดชอบของตนเองและคนรอบตัว
เพียงแค่คุณลองอยู่กับตัวเองสัก 1 นาที เพื่อหาว่าตัวคุณเองห่วงใครมากที่สุด รักใครมากที่สุด และในวันที่คุณอาจไม่ได้มีโอกาสดูแลพวกเขาเหล่านั้น คุณจะทำอย่างไรดี? ถ้าคุณมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว
ลองย้อนกลับขึ้นไปอ่าน “ข้อความแรก” ของบทความนี้อีกครั้งนะครับ
ติดตามความรู้และข่าวสารสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ที่ LINE@cfpthailand, สมาคมนักวางแผนการเงินไทย Facebook Fanpage และ www.tfpa.or.th