โดย กัลยวีร์ โรจน์สุขพัฒนา นักวางแผนการเงิน CFP®
จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ราคาน้ำมันและทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบประเภทต่างๆ จนมีผลทำให้หุ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มสนใจการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าในกลุ่มนี้มีลักษณะเป็นอย่างไร น่าลงทุนหรือไม่ มาติดตามกันค่ะ
สินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) คือ ผลิตภัณฑ์ หรือวัตถุดิบ ที่ถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของการผลิตสินค้าหรือบริการต่างๆ มีลักษณะจับต้องได้ สามารถซื้อขายได้ มีคุณสมบัติใช้แทนกันได้อย่างสมบูรณ์ (Fungibility) เป็นสินค้าที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แม้จะมาจากผู้ผลิตคนละราย เช่น ข้าวโพด โกโก้ ถั่วเหลือง น้ำมัน ทองคำ เป็นต้น ราคาของสินค้ามักถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาดโลก (Demand and Supply) และมักเคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อ นักลงทุนส่วนใหญ่มักมีสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน
แม้สินค้าโภคภัณฑ์จะมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามสินค้าแต่ละชนิดจะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด ภัยธรรมชาติ ฤดูกาล หรือสงคราม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาข้าวโพด ข้าวสาลีพุ่งสูงขึ้น ภายหลังรัสเซียประกาศหยุดส่งออก และยูเครนลดพื้นที่ปลูกลงหลังเสียพื้นที่ให้ทหารรัสเซียยึดครอง การขาดแคลนหรือมีมากจนเกินไปก็ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงของราคา เช่น หากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(OPEC) ประกาศว่าจะลดกำลังการผลิต ราคาน้ำมันดิบก็จะปรับตัวขึ้น หรือ สภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้งทำให้ผลผลิตตกต่ำก็จะส่งผลให้ราคาสินค้ามีราคาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปก็ส่งผลต่อราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การที่ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูป เลือกอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากพืชที่ให้คุณค่าโปรตีนสูง (plant-based food) ทำให้ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ ผ่าน ETF เป็นการลงทุนที่สะดวกสำหรับนักลงทุน เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก มีความคล่องตัวในการซื้อขายมากกว่าลงทุนในสินทรัพย์นั้นโดยตรง ทั้งในแง่การส่งมอบและการเก็บรักษา มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลสินทรัพย์แทนให้ (มีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย) จึงอยากขอแนะนำตัวอย่าง ETF เพื่อประกอบความเข้าใจ ดังนี้
นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนใน ETF ตามประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตนเองสนใจได้ อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมจัดสรรเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ (Asset Allocation) เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนโดยรวม ไม่ลงทุนกระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง สินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวนสูง ไม่เหมาะกับการลงทุนเป็นพอร์ตหลัก (Core portfolio) ไม่ใช่การลงทุนเพื่อเน้นสร้างผลตอบแทน แต่มักเป็นเครื่องมือเพื่อปกป้องเงินเฟ้อ เพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะยาวมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความหลากหลายให้พอร์ตลงทุน